วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

กระเทาะเปลือกไฟใต้ใครบงการ_บทที่ 9


บทที่ ๙ ปัตตานี..เป็นอิสลามตั้งแต่เมื่อใด


ผมจับภาพได้กระจ่างชัดว่า ปัญหาที่ ๓ จังหวัดภาคใต้ เกิดจากพี่น้องชาวไทยเชื้อสายมลายู ถูกโจรข่มขู่ไม่ให้รับการเป็นสัญชาติไทยบ้าง ตัวเองตั้งใจแน่วแน่ ไม่ยอมรับนับเอาสัญชาติไทยเป็นของตนบ้าง รวมแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ถ้าเป็นเช่นนี้ มีคนที่ไม่ยอมเป็นคนไทยมากกว่า ๒,๐๐๐,๐๐๐ คน ผู้คนเหล่านี้เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงในการสร้างความสมานฉันท์ เนื่องจากความสมานฉันท์ในเป้าหมายของเขา ต้องได้สิ่งที่ต้องการตอบแทนจึงจะเกิดความสมานฉันท์ได้

ขออ้างโทนอีกนั่นแหละ โทนบอกว่า สิ่งที่เขาต้องการ คือ "เป็นประเทศปัตตานี...?

ผมจับภาพได้ต่อไปว่า ปัญหาที่แก้ยากที่สุด ก็เพราะรัฐบาลทุกรัฐบาลมีความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงตลอด ๑๐๐ ปีผ่าน ด้วยการพยายาม "อ่อนข้อ" ให้ทุกเรื่อง จนฝ่ายโจรสามารถนั่งอยู่บนหลังเสือแล้วบังคับให้เสืออยู่ในสภาวะจำยอม จำยอมไปทุกเรื่อง ยอมแพ้ให้แก่นักการเมืองโจร ยอมจำนนต่อการด่าทอ ยอมจำนนต่อข้อกล่าวหาที่เท็จ

ความผิดพลาดอันยาวนาน เกิดจากน้ำมือของนักการเมืองสายพุทธที่บริสุทธิ์มากกว่าโจร ทำให้โจรได้ทีขี่แพะไล่ ไล่มาจนถึงรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่ผยองอวดดี สบประมาทว่าเป็นโจรกระจอก แล้วประกาศไม่ยีหระด้วยคำพูดที่ว่า “เมินเสียเถอะ แบ่งแยกดินแดน ตารางนิ้วเดียวก็ไม่ให้” หลังจากนั้นโจรได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาไม่ใช่โจรกระจอก ไอ้ที่พูดว่าตารางนิ้วเดียวก็ไม่มีทางยอมให้ โจรจะทำให้ดู จะเอาทุกตารางนิ้วที่อยู่ในแผนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทยที่เปิดสนามรบให้โจร ถ้าประเทศไทยจะเสียดินแดน แม้ว่าประเทศไทยจะมีความผิดพลาดต่อกันยาวนาน แต่ก็ยังไม่มีการต่อสู้ในลักษณะสงคราม 

ครั้นมาถึง ยุคนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นผู้นำของประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีคนนิยมมากมายถึง ๑๙ ล้านคน แต่ถ้าประเทศไทยจะเสียดินแดน มันเกิดจากการกระทำของทักษิณเป็นคนแรก โยนให้ทักษิณคนเดียวสุด ๆ ไม่ผิดตัวเพราะว่าเขาอหังการเกินไป ทำให้โจรกระจอกกลายเป็นโจรดาวกระจายถนนเต็มไปด้วยเรือใบ ป่าเขาเต็มไปด้วยมือปืนซุ่มยิง ในหมู่บ้านเต็มไปด้วยแนวร่วมของพวกโจรปัตตานี

ปัญหาที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเป็นปัญหาใหญ่ที่สั่นสะเทือนความมั่นคงของประเทศไทยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เราจะทำอย่างไรจึงจะแก้คืนได้ ลองหันไปทางท่านแม่ทัพที่เป็นหน่อเนื้อเชื้อสายอิสลามด้วยกัน คงจะช่วยได้ ได้แก่ พล อ. สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิวัติที่เป็นอิสลาม ที่คนไทยมั่นใจว่าท่านผู้นี้ จะกู้ ๓ จังหวัดชายแดนคืนมาได้ เพราะจะมีบารมีให้อิสลามเกรงใจ เชื่อหรือว่าโจรจะยอมรับนับถือบารมี ถ้าโจรยินยอมง่าย ๆ เช่นนี้ อับดุลกาเดร์, หะยีสุหลง และ "ตวนกู" อีกตั้ง ๓ คน คงไม่พากันบ้าต่อสู้อย่างยาวนานถึงขนาดสู้ถวายหัว เอาชีวิตและความทุกข์ยากของครอบครัวเข้าแลก เขาคงยินยอมสวามิภักดิ์ต่อพระมหากษัตริย์ ด้วยความรักและศรัทธาไปนานแล้ว

ดังนั้น ความหวังจึงเป็นความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับอิสลามด้วยกัน คนอิสลามแท้ ๆ ที่เขาเป็นโจรปัตตานีเขาไม่สน เขาไม่ให้ราคาแม้แต่นิด ถ้าอยากจะให้โจรยกย่องให้มาอยู่ “หัวแถว” ก็ต้องเป็นฝ่ายเขา เขาจึงจะรับอิสลามไทย (เพื่อนของผม) เล่าให้ฟังว่า วิธีดูว่า นายพล แม่ทัพ รัฐมนตรี (คนนั้น) เป็น ฝ่ายไหน จะดูได้จากความปลอดภัยของแต่ละคน ถ้าเขา (คนนั้น) เดินเดี่ยวเข้า-เดินออกใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างปลอดภัย ไม่เลือกกาลเวลา ไม่มีใครลอบวางระเบิด ไม่ถูกดัก ทำร้าย ไม่ถูกวางแผนฆ่า ไม่ถูกก่นด่า... โดยไม่มีกองกำลังอารักขา... นั้นแหละ... เขาเป็นพวกเดียวกัน

เพื่อนของผมเล่าเปรียบให้ฟังว่า ดูเอา... เพียงแค่สงสัยเอาใจออกห่างไปเข้าข้างทหาร ยังถูกตัดหัวเลย แล้วเขาจะปล่อยรัฐมนตรีอิสลามที่ปราบเขาจนด่าวดิ้นให้ลอยนวลอยู่ได้อย่างไร

จึงเป็นไปได้ยากมาที่จะได้อาศัยท่านแม่ทัพกล่องโจรได้สำเร็จเพื่อนของผมยืนยัน เมื่อกล่าวถึงเหลี่ยมคูระหว่างรัฐบาลกับโจร รัฐบาลสู้โจรไม่ได้ จะดูได้จากหลายกรณีเช่นฝ่ายรัฐบาลนั้น นึกเอาเองว่าทำดีเอาไว้ โจรจะได้ไม่ตำหนิ เช่น การไปกล่าวคำขอโทษเป็นต้น 

อันนี้ถือว่าเป็นเหลี่ยมคูที่แตกต่างทำให้รัฐบาลเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไม่ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะประกาศขอโทษพร้อมกับได้ยกเว้นความผิดให้แก่ขุนโจร ลูกน้องโจร ตลอดทั้งมือฆ่าที่น่ากลัวโดยประกาศว่าศาลไม่สั่งฟ้อง อย่างไรก็ตาม จะขอโทษซ้ำอีก หรือออกกฎหมายนิรโทษกรรมทั้งหมดก็ตาม ยิ่งเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ทางการเมืองให้แก่พวกโจรปัตตานีมากยิ่งขึ้น

โจรเองก็คงนึกไม่ถึงว่าทำไมนายกจึงเชื่อว่าโจรจะง่ายเหมือนเอาปากเป่านุ่นเช่นนี้ 

ทั้งหมดนี้ ทำให้ผมจับภาพได้อย่างชัดว่าปัญหาที่แก้ยากเกิดจากความผิดพลาดของเราเอง หากฝ่ายรัฐบาลในอนาคตยังพากันงมระหราอยู่กับการแก้ปัญหาแบบเดิม ขอให้เตรียมตัวเอาไว้เถิดว่า ไม่นานคนไทยพุทธจะต้องใช้หนังสือพาสปอร์ต จึงจะเข้าออก ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ ผู้สันทัดกรณีบางคนกล่าวถึงขั้นนั้นมีคำถามต่อไปว่าทำไมปัตตานี จึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ผมได้สอบถามเอากับชาวบ้านอิสลามที่แท้จริง แต่มีความเป็นไทยทั้งกายและใจ ก็ได้ความรู้มาว่า อิสลามในประเทศแบ่งเป็น ๒ กลุ่ม ซึ่งได้ตรงกับ อาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ได้เคยบอกเอาไว้เมื่อปี ๒๕๑๘

กลุ่มที่ ๑ เป็นอิสลามไทย มีใจเป็นไทย รักและศรัทธาในความเป็นคนไทย
กลุ่มที่ ๒ อิสลามต่างประเทศ (ขอให้คำว่าต่างประเทศ) อิสลามกลุ่มนี้ไม่รักความเป็นไทย

อิสลามกลุ่ม ๑ ไม่มีปัญหา แต่มีจำนวนน้อยมาก ไม่มีพลังต่อรอง จะพูดจะจาอะไรก็ต้องระวัง เพราะว่าการเป็นอิสลามไทย มีโอกาสตายเช่นเดียวกับไทยพุทธ โจรจะไม่ให้อภัยแก่ใครที่โจรกำลังทำสงครามด้วย

อิสลามกลุ่ม ๒ น่ากลัวมาก ถ้ารัฐบาลแก้ไม่เป็น จะเกิดการก่อการร้ายกระจัดกระจาย เพราะวิธีการของ โจรที่มีกำลังน้อย ทำอย่างไรจึงจะสู้กับผู้มีกำลังมากได้ วิธีนั้นมีอยู่วิธีเดียวคือการก่อการร้าย การก่อการร้ายเป็นลัทธิการต่อสู้ประเภทหนึ่งที่กำลังมีการพัฒนาอย่างใหญ่หลวง ลัทธิก่อการร้ายไม่ใช่เพิ่งเกิด มันเกิดมานานแล้ว แม้ในสมัยปัตตานีต้นๆ ก็ได้ใช้การก่อการร้ายเป็นวิธีการต่อสู้ แต่เราเรียกพวกที่ออกมาต่อสู้ในสมัยนั้นว่ากบฏ เช่นกบฏดุชงยอ ที่อำเภอระแงะ เป็นต้น

ความจริง...ถ้าปัตตานีนับถือพุทธอย่างต่อเนื่องไม่เปลี่ยนแปลง ข้อขัดแย้งจะไม่มีเรื่องเล่าในปัตตานี(เล่าตามตำรา-ไม่ใช่ปั้นเรื่องขึ้นเอง) เล่าว่า ก่อนที่ปัตตานีจะเป็นอิสลาม ดินแดนแถบนี้เป็นพุทธมาก่อน ไทยได้ส่งผู้ครองนครมาเป็นผู้รับผิดชอบ ตามประเพณีดั้งเดิมแต่โบราณ เรียกว่าเจ้าผู้ปกครอง

การส่งเจ้าผู้ปกครอง บางสมัยก็เป็นเจ้าไทยจากวังหลวง บางสมัยเป็นคนมลายู ปัตตานีตั้งแต่สมัยชื่อว่า ลังกาสุกะ มาจนถึงปี พ.ศ. ๒๐๒๒ ปัตตานีเป็นพุทธติดต่อกันมายาวนาน นับแล้วมากกว่า ๑๕๐๐ ปี มีบันทึกในประวัติศาสตร์เอาไว้ว่าระหว่างปี พ.ศ. ๑๘๐๔ - ๑๘๒๑ เจ้าเมืองเป็นมลายู แต่ได้รับพระราช ทานนามว่า "ราชาฤทธิเทวา" ซึ่งท่านก็เป็นพุทธมามกะ ตั้งมั่นอยู่ในพระรัตนตรัย จนกระทั่งสวรรคต ซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองนครนับถือพระพุทธศาสนาองค์สุดท้าย

ปี พ.ศ ๒๐๒๒ เจ้าผู้ครองนครองค์ใหม่นามว่า เจ้าอินทิรา ได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ทำให้ประชาชนพลเมืองพากันถือตาม ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ปัตตานีและดินแดนใกล้เคียงกลายเป็นอิสลาม ที่ไม่ยอมเปลี่ยนตามได้แก่คนไทยดั้งเดิมปัตตานีที่เคยเป็นพุทธจึงกลายเป็นอิสลาม ตั้งแต่ปี ๒๐๒๒ เป็นต้นมา

รวมแล้วอิสลามหยั่งฐานลงยึดปัตตานีได้มากกว่า ๕๐๐ ปี นับแต่ปัตตานีเปลี่ยนไปเป็นอิสลาม ทำให้ประชาชนที่เป็นพี่น้องเครือญาติกัน เกิดการเคลื่อนย้ายจากดินแดนมลายูตามเข้ามาอยู่ในหลายจังหวัดของภาคใต้มาก ขึ้น คนมลายูรุกคืบเข้าครอบครองอย่างง่ายดาย เพราะไม่มีระบบ "ตรวจคนเข้าเมือง" ใครจะไปใครจะมาเป็นความสมัครใจของผู้คนในแถบนั้น 

ประเทศไทยสมัยนั้นไม่มีกำลังส่งไปประจำการ จึงยิ่งเป็นอิสระแก่พวกเขามากขึ้น จนกลายเป็นกลุ่มก้อนที่ใหญ่โตประเทศไทยทางตอนใต้จึงกลายเป็นถิ่นที่อยู่ของคนไทยเชื้อสายมลายูหนาแน่น จนเกิดอำนาจอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงสุดที่จะแก้ไข ยิ่งจำนวนคนมลายูมีมากขึ้น พวกเขาก็กล่าวตู่ว่าดินแดนแถบนี้เป็นของเขามาตั้งแต่ดั้งเดิมแล้วกล่าวหาว่าไทยไปยึดเอามาเป็นเมืองขึ้น

สิ่งเหล่านี้เป็นกรณีพิพาทที่ได้เกิดขึ้น โดยฝ่ายรัฐบาลได้หลบหนีกรณีพิพาทแบบคนขี้ขลาด ไม่กล้าแสดงความเป็นเจ้าของอย่างผู้ยิ่งใหญ่ เพราะเกรงไปว่าจะเกิดความบาดหมางรุนแรงยิ่งขึ้น แต่ในความเป็นจริง การหลบหนีกรณีพิพาทอย่างขี้ขลาด ล้วนแต่ทำให้เกิดการเพลี่ยงพล้ำแก่พวกโจร จนกระทั่งตกเป็นเหยื่อของโจรปัตตานีนั้น เป็นดินแดนของเรามาตั้งแต่ต้น ไม่ต้องพุดถึงพระพุทธศาสนาและอิสลาม เพราะพวกโจรไม่ได้ต่อสู้เรื่องศาสนา แต่พวกโจรเขาต่อสู้ต้องการเป็นรัฐปัตตานีตะหาก แต่ที่ชอบอ้างเสมอว่าพุทธรังแกอิสลาม ก็เพราะโจรได้โยงเอาศาสนามาเป็นหัวหอกในการต่อสู้ โจรอาศัยคำสอนในคัมภีร์เอามาปลุกระดมประชาชน

การอาศัยนั้น บางครั้งก็แอบบิดเบือนถึงขั้นสร้างคัมภีร์ปลอมขึ้นมาหลอกลวง ทำให้พี่น้องอิสลามที่บริสุทธิ์หลงเชื่อคำสอนที่ผิดๆ เช่นการอ้างว่าฆ่าพุทธแล้วจะได้ไปอยู่กับพระเจ้า เป็นต้น

พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ออกข่าวว่า ทหารได้ต้นฉบับคำสอนที่ผิดพลาด โดยได้มอบต้นฉบับนั้นให้แก่สำนัก จุฬาราชมนตรี ต่อจากนั้น ไม่ได้มีการนำเอามาเปิดเผย ทางรัฐบาลได้เก็บเข้ากรุ หวังว่าจะไม่ถูกโจรนำเอามาใช้อีก แต่พวกโจรปัตตานียังคงใช้คัมภีร์ปลอมนี้อยู่ และใช้อย่างได้ผลยิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม