วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ตัวการปัญหาจังหวัดชายแดนใต้

ตัวการปัญหาจังหวัดชายแดนใต้
        "ทุกอย่างในโลกนี้มันมีที่มาที่ไปทั้งสิ้น
         อยู่ที่ว่าเราจะค้นหาเจอและเข้าใจมันหรือไม่"

       เมื่อพูดถึงเรื่องความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ อันประกอบไปด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอำเภอที่ติดชายแดนมาเลเซียของจังหวัดสงขลา อันได้แก่ อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย (ตามในรูปแผนที่คือพื้นที่สีเหลืองและพื้นที่สีครีม) ทุกคนก็คงต้องนึกถึงแต่ ภาพความรุนแรงที่มีประชาชนในพื้นที่ เจ้าหน้ที่ ทหาร-ตำรวจ บาดเจ็บ ล้มตาย อันมาจากน้ำมือของ โจรใต้ ที่ใครหลายคนเรียก หรือที่เรียกให้ถูกต้องตามคำของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 สน.) ก็คือ กลุ่มอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน


         ก่อนหน้านี้ยังไม่มีใครที่สามารถอธิบายถึงเหตุผลที่แท้จริงว่า มันเกิดจากสาเหตุใด มีเพียงข้อสันนิษฐานต่าง ๆ นา ๆ ว่ามาจากสาเหตุนั้นสาเหตุนี้ (อย่างเช่น เกิดจากความขัดแย้งทาง เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรมที่แตกต่างกันบ้าง หรือ ความขัดแย้งจากผลประโยชน์เกี่ยวกับสินค้าหนีภาษีบ้าง เป็นต้น) จนถึงวันนี้เริ่มมีความชัดเจนขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว เมื่อมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือจาก กอ.รมน. ภาค 4 สน. ซึ่งเป็นหน่วยงานนี้มีหน้าที่ วางแผน อำนวยการ และกำกับดูแลการปฏิบัติของหน่วยงานทุกภาคส่วนที่แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยตรง ทำให้มีข้อมูลในส่วนต่าง ๆ มากพอสำหรับนำมาประมวลหาสาเหตุว่า ความรุนแรง ความไม่สงบ ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากอะไร

        ขอท้าวความหลังนิดหนึ่ง เดิมทีพวกกลุ่อุดมการณ์ ฯ นี้ เป็นพี่น้องไทยเชื้อสายมุสลิม ที่มีความรู้สึกว่า ตัวเองและพวกพ้องถูกเอารัดเอาเปรียบจากทางการ จึงคิดร่วมมือกันเพื่อแสวงหาแนวทางเพื่อแยกยินแดนแถบนี้เป็นรัฐอิสระ เหมือนก่อนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้ข้ออ้างเรื่องศาสนา ทำให้พี่น้องชาวมุสลิมบางส่วนหลงผิด ด้วยการถูกล้างหัวให้เชื่อด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และทำการแข็งข้อกับทางการ จนถูกจับกุมดำเนินคดี พอถูกดำเนินคดี ก็ใช้จุดนี้เป็นจุดร่วมในการเพิ่มหรือขยายแนวร่วมทางอุดมการณ์ให้เพิ่มและกว้างออกไป 
       ใหม่ ๆ กลุ่มอุดมการณ์ ฯ ก็ขอเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศแถบตะวันออกกลาง เพื่อเคลื่อนไหวตามอุดมการณ์ แต่ต่อมากลายเป็นว่า นำเงินเหล่านั้นมาก่อความรุนแรงที่มิใช่แนวทางแห่งมุสลิม ประเทศตะวันออกกลางที่เคยให้การสนับสนุนด้านการเงินก็ยุติการสนับสนุนลง แล้วทีนี้คนกลุ่มนี้จะไปพึ่งการเงินจากที่ไหน เพราะการก่อเหตุแต่ละครั้งมันต้องใช้เิงินทั้งนั้น อย่างทำคาร์บอมแต่ละครั้งน่าจะไม่ต่ำกว่า 150,000 บาทต่อครั้ง สรุปว่าปัญหาของ โจรใต้ ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องความต้องการแบ่งแยกดินแดนตามอุดมการณ์แล้วล่ะ แล้วมันคืออะไร?


        คำตอบก็คือ เงิน เพื่อเอาใช้ในการดำเนินการก่อความรุนแรง เพราะไหนจะค่าแรง ค่าจ้าง ค่าวัสดุ-อุปกรณ์ เครื่องมือต่าง ๆ (รถมอเตอร์ไซต์และ รถยนต์) ค่าน้ำมันในการเดินทาง จิปาถะไปหมด มันคงไม่สนุกแน่ถ้าจะบ้าแต่อุดมการณ์แต่ไม่มีเงินมาขับเคลื่อน อุดมการณ์นั้นก็คงไม่มีวันบรรลุผลได้ ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์ถึงเนื้อแท้ของปัญหาแบบเจาะลึก ด้วยข้อมูลสนับสนุนที่น่าเชื่อถือ เพื่อความกระจ่างว่า อะไรคือตัวปัญหาที่แท้จริง


1. อะไรคือสาเหตุหลักของความขัดแย้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
     1.1. ข้อมูลดิบจาก กอ.รมน. ภาค 4 สน. คลิกอ่านรายละเอียด 

        ผมไม่สามารถนำรายละเอียดมาเขียนได้ทั้งหมด คงต้องรบกวนท่านผู้อ่านเปิดอ่านรายละเอียดเอง แต่พอสรุปจากรายละเอียดได้ว่า สามสิ่งที่ทำให้กลุ่มอุดมการณ์ฯ ยังคงขับเคลื่อนอุดมการณ์ได้อยู่ก็คือ สินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน(หนีภาษี) และยาเสพติด ทั้งสามอย่างล้วนเป็นสิ่งผิดกฎหมายทั้งสิ้น ปกติแล้วใครก็ตามที่เข้าไปยุ่งกับของผิดกฎหมายเหล่านี้จะถูกเรียกว่า โจร ซึ่งคือสาเหตุที่ทำให้คนทั่ว ๆ ไป เรียกกลุ่มอุดมการณ์นี้ว่า โจรใต้ ก็น่าจะมาจากสาเหตุนี้

      1.2 ข้อยืนยันจาก กอ.รมน. ภาค 4 สน. คลิกอ่านรายละเอียด 

        ข้อยืนยันนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า น้ำมันเถื่อน คือของผิดกฎหมายตัวหลักที่เป็นสาเหตุของปัญหาในปัจจุบัน ไม่ใช่ สินค้าหนีภาษี และยาเสพติด (โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมตามลิงค์ครับ) ในกรณีสินค้าหนีภาษีนั้นคงไม่มีมูลค่ามากมายนัก กลุ่มอุดมการณ์ฯ ก็รู้ดีว่า คงได้เงินไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายก็เลยไม่ยุ่ง

        ในส่วนของยาเสพติดถ้าจะว่าไปแล้ว ในกลุ่มอุดมการณ์นี้ก็จำเป็นต้องใช้เพื่อเสพด้วยเช่นกัน เพราะในการก่อเหตุแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นมันก็ต้องย้อมใจกันหน่อยเพื่อให้ฮึกเหิมก่อนลงมือ ดังนั้นประเด็นเรื่องยาเสพติดก็มีมูลอยู่ด้วย แต่เป็นแค่ผู้เสพเท่านั้นไม่ใช่ผู้ค้า เนื่องจากว่ายังอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้สามารถหาทุนเพื่อเคลื่อนไหวตามอุดมการณ์ได้มากกว่า ซึ่งก็คือน้ำมันเถื่อน

        และเมื่อเปรียบเทียบโทษทัณฑ์ที่จะได้รับหากโดนจับกุมขึ้นมา ยาเสพติดมีสิทธิ์ถูกประหารชีวิต แต่น้ำมันเถื่อนแค่ติดคุกไม่กี่ปี ส่วนแบ่งที่ได้อาจน้อยกว่าการค้ายาเสพติดก็ไม่มาก ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ค้าน้ำมันเถื่อนคุ้มค่ากว่า จึงกลายเป็นว่าในเวลานี้ กลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อนหรือพ่อค้าน้ำมันเถื่อนเองจำเป็นต้องพึ่งพากลุ่มอุดมการณ์ ฯ พวกนี้เป็นอย่างยิ่ง ในการทำธุระกิจน้ำมันเถื่อน ไล่กันมาตั้งแต่ รับน้ำมันเถื่อนเข้าเก็บในคลัง คุ้มครองคลังน้ำมัน ลำเลียงน้ำมันไปยังปลายทาง(ลูกค้า) สังเกตุจากรายงานของ กอ.รมน.ภาค.4 บอกว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่รถลำเลียงน้ำมันเถื่อนโดนยึดหรือจับกุม กลุ่มอุดมการณ์ ฯ จะอาละวาดทันที เมื่อเป็นเช่นนี้ กลุ่มพ่อค้าน้ำมันเถื่อนกับกลุ่มอุดมการณ์ ฯ ไม่มีวันที่จะแยกทางกันเป็นอันขาด หากขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทุกอย่างก็เจ๊งกัน จึงต้องอยู่กันแบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า กลุ่มพ่อค้ายิ่งขายน้ำมันได้มากก็ได้กำไรมาก กลุ่มอุดมการณ์ ฯ ก็ยิ่งได้ส่วนแบ่งจากพ่อค้ามากเช่นกัน ทำให้ธุระกิจน้ำมันเถื่อนยิ่งเจริญเติบโต และน้ำมันเถื่อนจะไม่มีวันหมดไปจากพื้นที่ขัดแย้งนี้แน่นอน ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น?


         1.3 เป้าหมายของทั้งสองกลุ่ม

        กลุ่มอุดมการณ์ฯ มีเป้าหมายคือ หาเงินหรือทุนจากการค้าน้ำมันเถื่อนเพื่อเคลื่อนไหวตามอุดมการณ์ดั้งเดิมคือ แบ่งแยกดินแดนเป็นรัฐอิสระ ส่วนกลุ่มพ่อค้าน้ำมันเถื่อนมีเป้าหมายคือ ค้าน้ำมันให้ได้ปริมาณมาก ๆ เพื่อจะได้กำไรมาก ๆ การจะขายน้ำมันให้ได้กำไรมาก ๆ มันมีข้อแม้อยู่ว่าต้องขายภายในราชอาจักรไทยเท่านั้น เพราะภายในราชอาณาจักรไทยมีส่วนต่างระหว่าน้ำมันที่ถูกกฎหมายกับมันที่ผิดกฎหมาย(หรือน้ำมันเถื่อน)ต่างกันถึง 10 กว่าบาทต่อลิตรโดยประมาณ แต่ไม่เคยต่ำกว่าลิตรละ 10 บาท

        ดังนั้นหากกลุ่มพ่อค้าทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกหน่อยเมื่อกลุ่มอุดมการณ์ได้เงินไปเยอะ ๆ ก็คงบรรลุผลเข้าสักวัน นั่นก็คือพวกเขาสามารถแบ่งแยกดินแดนได้ ทีนี้ล่ะกลุ่มพ่อค้าจะยุ่ง เนื่องจากว่า พอแบ่งแยกดินแดนเป็นรัฐอิสระปั๊บ นโยบายเรื่องราคาน้ำมันภายในรัฐอิสระนั้นจะเป็นเหมือนกับราชอาณาจักรไทยหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ดังนั้นพ่อค้าน้ำมันเถื่อนรู้เรื่องนี้ดี จึงไม่อยากไปเสี่ยง เลยคิดหาวิธีต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มอุดมการณ์ฯ ทำการเคลื่อนไหวจนแบ่งแยกดินแดนได้สำเร็จ

         ทำให้ดูเหมือนว่า ลึก ๆ แล้วสองกลุ่มนี้จะขัดแย้งกันในเรื่องเป้าหมายของแต่ละกลุ่ม แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ เพราะว่า ในเวลานี้กลุ่มอุดมการณ์ฯ ก็ใหญ่คับพื้นที่แล้ว แค่ชาวบ้านได้ยินชื่อก็กลัวหัวหด รวมไปถึงเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทุกเหล่าทุกกองด้วย ดังนั้นสู้อยู่แบบนี้มีเงินใช้ และมีอำนาจในพื้นที่ที่ใครๆ ต่างก็ต้องขยาดดีกว่าเป็นไหน ๆ เพราะถ้าแยกดินแดนได้จริง ๆ ขึ้นมา ก็ยังต้องไปทะเลาะกันเองอีกหลายขั้นตอน

         โดยปกติแล้วการก่อการร้ายทุก ๆ ครั้งทั่วทุกมุมโลก จะมีฝ่ายก่อการออกมาแสดงข้อเรียกร้องต่อทางการในทันทีเมื่อก่อการเสร็จและได้ผลว่า ตัวเองขอเรียกร้องให้ทางการทำอะไรบ้างเพื่อแลกเปลี่ยนกับการยุติการก่อการแบบนั้น แต่กลุ่มอุดมการณ์ฯ ของเราไม่เคยออกมาเรียกร้องอะไรเลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นก็เท่ากับว่า พวกเขาหลงติดกับดัก เงินและอำนาจในพื้นที่เข้าแล้ว ทำให้กลุ่มพ่อค้าน้ำมันเองก็พอใจที่ไม่ต้องแยกดินแดนให้เสียโอกาสสร้างผลกำไร สถานการณ์ปัจจุบันเลยกลายเป็นว่า สร้างสถานการณ์เพื่อข่มขู่ผู้คนชาวบ้านและทางการให้กลัวเพื่อไม่ให้ไปสนใจเรื่องน้ำมันเถื่อน คือเบี่ยงประเด็นเรื่องน้ำมันเถื่อนออกไปเท่านั้นเอง


2. ช่องว่างของปัญหา

     2.1 ความเป็นมาเกี่ยวกับน้ำมันเถื่อนในพื้นที่
         จริง ๆ ปัญหาเรื่องน้ำมันเถื่อนในพื้นที่แห่งนี้มีมานานแล้ว โดยเฉพาะชาวประมงเป็นผู้ใช้น้ำมันเถื่อนกันมานานแล้ว โดยไปซื้อเติมกันกลางทะเล ถ้าเหลือจากที่ใช้ในทะเลแล้วก็นำมาขายเป็นน้ำมันเถื่อนต่อไปอีกทอดหนึ่ง

         ต้นทุนการออกทะเลหาปลาก็จะถูกลง ชาวประมงในพื้นที่แห่งนี้ก็ได้จะกำไรสูงกว่าชาวประมงในพื้นที่อื่น จนแพปลาบางแพถึงกับดัดแปลงเรือหาปลาเพื่อตบตาตำรวจน้ำ ให้เป็นเรื่อที่ดูภายนอกเหมือนเรือหาปลาแต่ภายในบรรทุกน้ำมันเถื่อนเต็มลำเรือ แล้วนำมาขายที่ฝั่ง เมื่อแพปลาโน้นทำได้แพปลานี้ก็ทำได้ กลายเป็นหลาย ๆ แพปลาช่วยกันทำ เพราะเอาขายเท่าไรก็หมดเท่าไรก็หมด ก็เป็นอะไรที่น่าทำและน่าลงทุน

        แต่ในหลาย ๆ ครั้งก็มีปัญหาเรื่องตำรวจน้ำเข้มงวดบ้าง ฝนฟ้าอากาศบ้าง ทำให้ต้องออกไปเอาน้ำมันมาทีละเยอะ ๆ ซึ่งก็คงขายไม่หมด จึงต้องหาที่เก็บน้ำมันบนบกเรียกว่า คลังน้ำมัน(เถื่อน) โดยมี สส.พรรคการเมืองใหญ่ในพื้นที่เป็นคนสยายปีกปกป้อง หรือแม้แต่เป็นเจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อนเสียเองเลย คลังน้ำมันเมื่อตั้งขึ้นมาบนบกแล้วมันคงไม่ดีแน่ เพราะอันตราย จะต้องหลบซ่อนเจ้าหน้าที่ จึงจำเป็นต้องหาคนมาคุ้มกัน จนกว่าจะลำเลียงไปส่งขายหมด นี่คือลักษณะธุระกิจน้ำมันดั้งเดิม 




         2.2 อะไรทำให้นำ้มันเถื่อนขายดี
              ราคาน้ำมันภายในประเทศ กับ ราคาน้ำมันเถื่อน ห่างกัน ลิตรละ 10-17 บาท ถามว่าใครบ้างอยากซื้อน้ำมันของ ปตท. ถ้าตัวเองหาน้ำมันเถื่อนเติมรถหรือเรือหรือเครื่องยนต์ใด ๆ ของตนเองได้ นี่คืออุปสงค์น้ำมันเถื่อนมีอยู่เต็มในพื้นที่ จากข้อมูลของ กอ.รมน.ภาค.4 บอกว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดมีรถยนต์และจักรยานยนต์ที่จดเบียนประมาณ 1.2 ล้านคัน และยังมีรถขนส่งสินค้าที่ไปส่งของจากภูมิภาคอื่นเข้าเติมน้ำมันเถื่อนเมื่อต้องไปส่งสินค้าในถึงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย ทำให้พ่อค้าน้ำมันเถื่อน รวย รวย และก็ รวย

        ลองคิดเล่นว่า ถ้าวันหนึ่งสามารถลำเลียงน้ำมันเถื่อนไปส่งถึงผู้รับช่วงได้วันละ 100,000 ลิตร พ่อค้าจะได้กำไรกี่บาท คำตอบคือ 1,000,000 บาท/วัน เห็นไหมว่ามันน่าทำแค่ไหน มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ธุรกิจน้ำมันเถื่อนต้องหยุดชงักลงได้เพียงปัจจัยเดียวคือ ถูกทางการกวาดล้างธุระกิจนี้ ดังนั้นพ่อค้าน้ำมันก็ไปฮั้วกับ เจ้าหน้าที่ศุลกากรให้ทำเพิเฉยเมื่อรถส่งน้ำมันผ่านด่าน ไปฮั้วกับกลุ่มอุดมการณ์ฯ เพื่อคุ้มครองการลำเลียงน้ำมันเถื่อนไปยังที่หมายปลายทาง แล้วแบ่งผลกำไรกัน จะเห็นว่าแทบจะไม่มีความเสี่ยงอะไรเลยก็ว่าได้




         2.3 สาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดความต้องการใช้น้ำมันเถื่อนสูง

        ตัวที่ชี้วัดว่า ในพื้นที่มีความต้องการน้ำมันเถื่อนสูงอีกตัวหนึ่งก็คือ ผู้คนชาวบ้านต่าง ๆ ที่อยู่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะบริเวณย่านด่านเข้าเมือง รู้ดีว่าน้ำมันในฝั่งประเทศมาเลเซียถูกกว่าประเทศไทยหลายบาท เลยนิยมนำรถทำทีเป็นนักท่องเที่ยวลอบเข้าไปเติมน้ำมันในฝั่งประเทศมาเลเซีย แล้วกลับมาขับในประเทศไทย เพราะน้ำมันเมื่อมาอยู่ในถังน้ำมันรถยนต์ ไม่มีใครรู้ว่าเถื่อนหรือไม่เถื่อน และเวลากลับเข้าประเทศตอนผ่านด่านก็ตรวจสอบไม่ได้ด้วย ทำให้คนในพื้นที่ดังกล่าวนิยมใช้น้ำมันเถื่อนและน้ำมันประเทศเพื่อนบ้านเป็นส่วนมาก

        ถึงแม้ว่าตรงนี้จะเป็นเพียงแค่กลุ่มคนไม่มาก แต่เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญว่า ถ้าราคาน้ำมันในประเทศขายในราคาสูงแบบนี้อยู่ พวกเขาก็พร้อมที่จะหันไปใช้น้ำมันจากประเทศเพื่อนบ้านหรือน้ำมันเถื่อนทันที เพราะพวกเขาสามารถหาของเหล่านี้มาทดแทนได้โดยไม่ยากอะไรเลย แต่ในความเป็นจริงราคาน้ำมันในประเทศกลับมีราคาสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมานานหลายสิบปีแล้ว ทำให้พ่อค้าน้ำมันเถื่อนสามารถพัฒนารถบรรทุกน้ำมันข้ามเขตแดนได้ในเที่ยวละหลายพันลิตร โดยที่ยากต่อการตรวจตราของเจ้าหน้าที่

        ดังนั้นแหล่งน้ำมันเถื่อนที่นำเข้ามาขายก็คือ น้ำมันที่ถูกกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ลักลอบนำเข้าประเทศแบบผิดกฎหมาย นั่นเอง ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้น้ำมันที่ถูกกฎหมายที่ทาง ปตท. ผลิตมา ขายไม่ค่อยดี พอขายไม่ค่อยดีก็ทำให้น้ำมันมาค้างอยู่ในคลังน้ำมันสงขลาในปริมาณมากและนานเกินไป ต้องเร่งระบายน้ำมันเหล่านั้นออกไปด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ไม่อย่างนั้น ปตท. ได้กำไรน้อยลง




       2.4 พบช่องว่าง
         มีข้อสังเกตุบางประการเกี่ยวกับ ปตท. ทุกคนคงทราบดีว่า ปตท. ผลิตน้ำมันส่วนหนึ่งเพื่อ ขายในประเทศ(ในราคาสูง) และอีกส่วนหนึ่งขายไปต่างประเทศ(ในราคาต่ำแต่ส่งขายในปริมาณมากๆ) ผลการประกอบการของ ปตท. ในแต่ละปีไม่เคยขาดทุน กลับมีกำไรมหาศาลและเพิ่มขึ้นทุกปี สมมติว่า ปตท.มีกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อขายสูงสุดทั้งหมดปีนละ 100,000 ล้านลิตร (ย้ำอีกครั้งว่า ข้อมูลนี้เป็นข้อสมมติขึ้นมาเท่านั้น) แบ่งขายในประเทศ 30,000 ล้านลิตรที่ราคาลิตรละ 30 บาท ส่วนที่เหลือแบ่งขายไปต่างประเทศ 70,000 ล้านลิตร ในราคาลิตรละ 20 บาท รวมรายได้จากการขายน้ำมันที่ ปตท. ได้ปีละ 900,000 + 1,400,000 = 2,300,000 ล้านบาท แต่ถ้าน้ำมันภายในประเทศขายไม่ดีเพราะมีน้ำมันเถื่อนทะลักเข้ามา ทำให้ยอดน้ำมันในส่วนที่ขายในประเทศขายได้เพียงแค่ 25,000 ล้านลิตร คงเหลืออยู่ในคลัง 5,000 ล้านลิตร จะทำให้ ปตท. มีรายได้ในปีนั้นแค่ 750,000 + 1,400,000 = 2,150,000 ล้านบาท กับน้ำมันที่เหลือในคลังอีก 5,000 ล้านลิตร

         ประเด็นก็คือว่า ปตท.จะเอาไงกับ 5,000 ล้านลิตรที่เหลือ? ถ้าเก็บเอาไว้ขายในรอบปีถัดไป แบบนี้ ปตท. กำไรลดแน่ เพราะยอดรายได้ไม่เข้าเป้า มีทางเดียวคือ อย่างไรก็ต้องขาย แล้วขายใครล่ะ ก็ขายไปต่างประเทศสิ ที่ราคาลิตรละ 20 บาท ก็ยังดี เพราะยอดรายได้หดหายไปเพียง 50,000 ล้านบาท

          ผมจะไม่ขอกล่าวถึงว่า แล้ว ปตท. จะไปหาเงินในส่วนที่หดหายไปจากไหนมาทดแทน แต่จะขอนำท่านไปสู่ประเด็นที่ว่า แล้วไอ้น้ำมัน 5,000 ล้านลิตรที่ ปตท. ขายออกไปต่างประเทศขายให้ใครและขายอย่างไร ปกติแล้วการซื้อ-ขายน้ำมันระหว่างประเทศต้องทำสัญญาซื้อ-ขายกันล่วงหน้า จะเกิดความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นในประเทศลูกค้าแบบกระทันหันได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน เช่น เกิดภัยพิบัติหรือภัยจากมนุษย์ที่ทำให้คลังน้ำมันเสียหายเป็นต้น แบบนี้คงต้องขอซื้อน้ำมันมาใช้แบบฉุกเฉิน

         แต่เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่มีทั่วไป นาน ๆ ถึงจะมีบ้าง ถ้าเช่นนั้นแล้ว ปตท. ขายน้ำมัน 5,000 ล้านลิตรไปให้ใครกันแน่? และต่อไปนี้คือข้อสันนิษฐานของผม นั่นก็คือว่า "เป็นไปได้หรือไม่ที่ ปตท. ขายไปให้ต่างประเทศนั่นแหละ แต่ขายให้พ่อค้าน้ำมันในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเอาน้ำมันส่วนนั้นมาขายให้แก่กลุ่มพ่อค้าน้ำมันเถื่อนไทยอีกทอดหนึ่ง" ผมก็ไม่ทราบว่าแต่ละท่านจะมีข้อสันนิษฐานที่ใกล้เคียงกับผมหรือไม่ แต่ขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า ปตท. มีกำไรเพิ่มสูงขึ้นทุกปี จะเป็นไปได้หรือที่ผลิตแล้วขายไม่ได้ สิ่งสำคัญอยู่ว่า ขายให้ใคร ตรงนี้คงต้องค้นหาความจริงกันต่อไป




3. ใครได้-เสีย ผลประโยชน์จากช่องว่าง
     3.1 ผู้ที่ได้ประโยชน์จากช่องว่าง

         คนที่ได้คือ กลุ่มพ่อค้าน้ำมันเถื่อน กลุ่มอุดมการณ์ฯ ชาวประมงที่ใช้น้ำมันเถื่อน รถขนส่งสินค้าที่ใช้น้ำมันเถื่อน ชาวบ้านที่เติมน้ำมันรถยนต์ด้วยน้ำมันเถื่อน เรียกว่าได้ประโยชน์กันทั่วหน้า
          ถ้าเป็นแบบนี้ ในทางพฤตินัยถือว่าเป็นการสมคมกันเพื่อผลประโยชน์แห่งตนในวงกว้าง โดยมีข้ออ้างว่า น้ำมันในประเทศแพง แต่น้ำมันจากประเทศเพื่อนบ้านถูกกว่า แล้วจะไปเติมที่แพงกว่าทำไม จะว่าไปมันก็ไม่ดีต่อส่วนรวมประเทศชาติเลย แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในยุคที่มีรัฐบาลที่ทำงานอะไรไม่เป็นเลย ดีแต่กู้ สร้างหนี้ อะไร ๆ มันก็ต้องแพง ทำให้ชาวบ้านที่เขามีทางออกเรื่องลดต้นทุนจำเป็นต้องทำแม้ว่าไม่ถูกกฎหมายก็ตาม คิดง่าย ๆ แค่ออกแรงขับรถข้ามแดนผ่านด่านตรวจไปแล้วเติมให้เต็มถังในราคาลิตรละ 20 บาท แล้วกลับมา หรือไม่ก็ หาเติมน้ำมันเถื่อนในประเทศไทยเอาในราคาลิตรละ 25 บาท ถ้าไม่เอาทั้งสองก็ต้องเรียกว่า "รวยจริง รักชาติจริง ๆ" นั่นก็คือควักเงินจ่ายเต็มลิตรละ 30 บาทไปเลย


      3.2 ผู้ที่สูญเสียประโยชน์จากช่องว่าง

        ผู้ที่เสียคือ ประเทศไทยและคนไทยทุกคน เนื่องจากขาดรายได้จากภาษีน้ำมัน ซึ่งจะถูกนำไปเป็นงบประมาณแผ่นดินเพื่อพัฒนาประเทศในส่วนนี้ต้องลดหายไป ประเทศก็ต้องพัฒนาล่าช้าและยังกลายเป็นเรื่องสองมาตรฐานอีกด้วย กล่าวคือ คนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ใช้น้ำมันราคาถูก แต่คนไทยที่อยู่ในภูมิภาคอื่นกลับต้องใช้น้ำมันราคาแพง ก็เลยกลายเป็นสองมาตรฐาน หากประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้นาน ๆ ไป จะทำให้คนไทยทั้งสองส่วนเกลียดชังกัน อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ต่อไปได้ในอนาคต

       3.3 แล้ว ปตท. ได้หรือเสีย

       จะว่าไปแล้ว ปตท.ไม่จัดว่าได้หรือเสียอะไร แพงแต่อาจจะได้รายได้รวมต่อปีลดลงไปเล็กน้อย แต่เมื่อประเมินศักยภาพของ ปตท. แล้ว น่าจะหาเงินส่วนที่ขาดหายไปได้โดยไม่ยากเย็นนัก (จากตัวอย่างที่ยกมา เงินที่ ปตท. ขาดหายไปคือ 50,000 ล้านบาท) ยังมีน้ำมันเถื่อนอีกรูปแบบหนึ่ง กล่าวคือ น้ำมันเถื่อนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ กลุ่มพ่อค้าน้ำมันเถื่อนซื้อน้ำมันมาในราคาประเทศเพื่อนบ้าน แล้วขายไปในประเทศในที่ต่ำกว่าราคาน้ำมันที่ถูกกฎหมายในประเทศ

         แต่น้ำมันเถื่อนที่กำลังจะบอกก็คือ น้ำมันเถื่อนรูปแบบนี้จะมีขายในภาคใต้ตอนบนทุกจังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อกับทะเล ไล่ลงไปแต่สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เรื่อยลงไป โดยน้ำมันเถื่อนรูปแบบนี้ พ่อค้าจะซื้อมาที่ราคาสูงกว่าราคาที่ ปตท. ขายไปให้ต่างประเทศเล็กน้อย อยู่ที่ประมาณลิตรละ 24 บาท แล้วพ่อค้าก็นำน้ำมันเถื่อนนี้ไปปนรวมกับน้ำมันถูกกฎหมายในถังน้ำมันของตนเองตามปั๊มน้ำมันต่าง ๆ แล้วก็ขายปลีกเท่ากับราคาในประเทศ ซึ่งพ่อน้ำมันเถื่อนแต่ไม่เถื่อนลักษณะนี้ก็ได้กำไรโขอยู่ทีเดียว การกระทำแบบนี้ คล้าย ๆ กับการเปลี่ยนสัญชาติน้ำมันให้ถูกต้องแล้วขายตามราคาปกตินั่นเอง จึงอดสงสัยไม่ได้อีกเช่นกันว่า ใครเป็นคนขายน้ำมันที่ว่านี้ให้แก่พ่อค้าน้ำมันเถื่อนแต่ไม่เถื่อนพวกนี้


   4. บทสรุป

        สาเหตุของปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้มาจาก ผลประโยชน์ในธุระกิจน้ำมันเถื่อน โดยมีกลไกทางการตลาดของปตท.เข้าไปมีส่วนเเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความตั้งใจของ ปตท. หรือไม่ แต่ปัญหาทั้งหมดสามารถยุติได้ที่ ปตท. และนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาล แต่ก็ต้องบอกว่าพูดยาก เพราะระหว่างกำไรที่เห็นเป็นกอบเป็นกำ กับ ความสงบสุขของพี่น้องไทยในพื้นที่ ปตท.จะเลือกสิ่งไหน ในเมื่อ ปตท. ทุกวันนี้คือเครื่องมือทำกำไรของพวกนักลงทุน ไม่ใช่ ปตท. ที่มีเคยสโลแกนว่า "พลังไทย เพื่อไทย" อีกต่อไปแล้ว

        ทั้งหมดที่ผมว่ามา ถ้าอยากรู้ว่ามันเป็นจริงหรือไม่ มีวิธีพิสูจน์คือ ประกาศแบ่งแยกดินแดนไปให้กลุ่มอุดมการณ์ ฯ เสียเลย หากไม่มีใครคัดค้านหรือต่อต้าน แสดงว่าสิ่งที่ผมว่ามาผิดทั้งหมด แต่ถ้ามีคนออกมาต่อต้านขัดขวางไม่ยอมให้มีการแบ่งแยกดินแดน(โดยเฉพาะคนในพื้นที่) แสดงว่า สิ่งที่ผมว่ามาถูกทั้งหมด เพราะหากรัฐบาลไทยหรือคนไทยพร้อมใจกันยกดินแดนให้แก่อุดมการณ์ฯ ขึ้นมาจริง ๆ ทั้งกลุ่มพ่อค้าน้ำมันเถื่อนและกลุ่มอุดมการณ์ ฯ ต่างก็เดือดร้อนอย่างทั่วถึง (ตรงนี้หากยังไม่เข้าใจ โปรดอ่านใหม่ซ้ำอีกรอบ) จะพิสูจน์ตามที่ผมพูดก็ได้ ถ้ารัฐบาลไทยและคนไทยใจถึงและกล้าพอ แต่คิดว่าประตูนี้คงไม่เปิด

         แต่ถ้าไม่แบ่งแยกดินแดนให้เขา แล้วปัญหามันจะยุิติอย่างไร?

       ง่าย ๆ เลยครับ ปตท. ลองขายน้ำมันภายในประเทศในราคาเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านดูสิครับ ผมเอาหัวเป็นประกันว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วปัญหาความสงบจะค่อย ๆ ลดลง อยู่ที่ ปตท. จะทำ(เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติ)ได้ไหมล่ะ ?
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม