วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ขึ้นต้น สัญญาลูกผู้ชาย ลงท้าย ก็ไอ้ลูกหมา โอลันล้า

ขึ้นต้น สัญญาลูกผู้ชาย ลงท้าย ก็ไอ้ลูกหมา สมุนโอลันล้า

BRN ให้สัญญาสุภาพบุรุษ หยุดยิงรอมฎอนวัดใจทหารไทย
Sat, 2013-07-13 00:33


         มาเลเซียประกาศแถลงการณ์ BRN ประกาศหยุดยิงรอมฎอนใน 3จังหวัดและ 5 อำเภอ 40 วัน ถึงวันที่ 10 เชาวาล ยืนยันยุติการก่อเหตุ ทำลายทรัพย์สิน เคารพสิทธิเสรีภาพและรับประกันความปลอดภัยคนต่างศาสนิก ด้านรัฐไทยพร้อมงดปฏิบัติการเชิงรุกทุกอย่าง นักวิชาการชี้แม้ไม่มีกลไกติดตามตรวจสอบแต่เป็นสัญญาสุภาพบุรุษของคู่ต่อสู้

       วันที่ 12 กรกฎาคม เมื่อเวลา 15.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ดาโต๊ะอัฮหมัด ซัมซามิน ฮุสเซน ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกหรือฟาซีลิเทเตอร์ของการพูดคุยเพื่อสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับขบวนการ BRN ได้แถลงข่าวที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียถึงข้อตกลงหยุดยิงในเดือนรอมฎอนและ10 วันของเดือนเชาวาล



แถลงการณ์ทั้งสองฝ่ายร่วมสร้างสันติภาพรอมฎอน

       แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่าตัวแทนจากสภาความมั่นคง กับตัวแทนของขบวนการ BRN ซึ่งได้มีข้อตกลงในหลักการในการพูดคุยครั้งที่ 4 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2013 ที่ผ่านมา บรรลุความเข้าใจในการริเริ่มความพยายามให้เดือนรอมฎอน 2013 ในจังวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยปราศจากความรุนแรง

        แถลงการณ์ระบุถึงช่วงเวลาปฏิบัติการนี้จะเป็นเวลา 40 วัน ตั้งแต่ วันที่ 10 กรกฎาคม 2013 ถึง วันที่ 18 สิงหาคม 2013 (วันที่ 1 เดือนรอมฎอน 1434 ฮิจเราะห์ศักราช ถึงวันที่ 10 เดือนเชาวัล 1434 ฮิจเราะห์ศักราช) และปฏิบัติในสามจังวัดชายแดนภาคใต้และห้าอำเภอในจังหวัดสงขลา ได้แก่ นาทวี สะเดา จะนะ เทพา และสะบ้าย้อย

       ทั้งนี้ในส่วนรัฐไทยจะรับผิดชอบต่อการป้องกันอาชญากรรมและการรักษาความปลอดภัยของสาธารณชน และงดปฏิบัติการเชิงรุกเกี่ยวกับปัญหาความมั่นคงที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ด้วย และฝ่าย BRN จะพยายามและเพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง การโจมตีทางอาวุธ การวางระเบิด ซุ่มโจมตีต่อเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและประชาชนทั่วไป ไม่ทำลายทรัพย์สินของรัฐและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับประชาชน อีกทั้งรับรองว่าจะให้เกียรติ เคารพและปกป้องสิทธิ เสรีภาพและความปลอดภัยของคนที่ไม่นับถือศาสนาอิสลาม

         ทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นจะปฏิบัติอย่างจิงจังเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจจากทั้งสองฝ่ายในการแสวงหาแนวทางแก้ไข้ปัญหาความไม่สงบโดยมีเวทีสันติสนทนาเป็นเวทีกลาง และเชื่อว่าสันติสนทนาเป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับสร้างสันติภาพอันยั่งยืนและถาวร ฝ่ายใดที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามความเข้าใจรวมกันครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นฝ่ายที่ไม่รักสันติภาพ ไม่เคารพความใฝ่ฝันและความหวังของประชาชน (อ่านคำแถลงการณ์ แปลโดย อ.ชินทาโร่ ฮาร่า ประกอบข่าวด้านล่าง)

อ.ศรีสมภพชี้ สัญญาสุภาพบุรุษ

        ด้าน ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (DSW) การแถลงข่าวข้อตกลงครั้งนี้ว่าเป็นปรากฏการณ์พิเศษ เนื่องจากการพุดคุยเพื่อสันติภาพระหว่างรัฐไทยกับขบวนการ BRN พึ่งจะเริ่มขึ้นประมาณ 4 เดือน แต่สามารถมีข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวได้ ถือว่าเป็นความก้าวหน้าของกระบวนการสันติภาพเป็นอย่างมาก

       แม้ว่าก่อนหน้านี้ 3 วันได้มีการเลื่อนการแถลงข่าวมาแล้วเนื่องจากฝ่าย BRNไม่มั่นใจในความจริงใจของรัฐไทย แต่ท้ายที่สุดได้มีความพยายามจนสามารถมีแถลงการณ์ครั้งนี้ได้ ซึ่งพูดกันว่าเป็น Gentleman Agreement หรือสัญญาสุภาพบุรุษ เพราะครั้งนี้เป็นการประกาศให้รู้ว่าฝ่ายตนต้องการทำอะไรโดยไม่ได้มีการลงนามในข้อตกลงที่เป็นมาตรการด้านการปฏิบัติ หรือกลไกการติดตาม การมอนิเตอร์เหตุการณ์อย่างที่เป็นรูปแบบการมีข้อตกลงร่วมอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

       “อันนี้เรียกได้ว่าเร็วมากที่สามารถมีข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวได้ แม้ไม่ได้มีข้อสัญญาแต่เป็นการตกลงด้วยใจ เพราะโดยทั่วไปข้อตกลงหยุดยิงจะมีมาตรการต่างๆ ออกมาด้วย เช่น หยุดยิงบางพื้นที่ หรือบางเวลา มีกลไกการติดตามอย่างเป็นรูปธรรม มี Monitoring Team แต่อันนี้เป็นการหยุดยิงทั้งพื้นที่ 3 จังหวัด 5 อำเภอ ซึ่งถ้าทำได้จะเป็นการสร้างความมั่นใจขั้นต้นของกระบวนการเจรจา” ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าว

        ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าวถึงกระบวนการเจรจาสันติภาพที่กำลังดำเนินอยู่ว่า ข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้เท่าที่ทราบไม่ได้เป็นการยอมรับข้อเรียกร้องและข้อเสนอของฝ่ายขบวนการที่มีมาก่อนหน้านี้ และไม่ได้มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด มีเพียงเท่าที่พูดถึงในแถลงการณ์เท่านั้น ซึ่งผลของข้อตกลงหยุดยิงในเดือนรอมฎอนครั้งนี้จะเป็นข้อพิสูจน์ความจริงใจและพิสูจน์ตัวตนของขบวนการอย่างสำคัญ

         “เมื่อพิสูจน์กันได้ในข้อตกลงหยุดยิงในเดือนรอมฎอนได้ ข้อเรียกร้อง 5 ข้อ 7ข้อตามที่ได้มีก่อนหน้านี้คงสามารถคุยกันได้อย่างก้าวหน้ามากขึ้น”

วงในโต้เหตุบึ้มบาลอ ฝ่ายทหารทำผิดเงื่อนไข

      จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารถูกลอบวางระเบิดรถยีเอ็มซีที่บ้านบาลอ อ.รามัน จ.ยะลาเมือวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของเดือนรอมฎอนนั้น ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าวว่าจากแหล่งข่าววงในได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารทำผิดเงื่อนไข โดยมีการเคลื่อนกำลังพลในเดือนรอมฎอน ทำให้ฝ่ายขบวนการปฏิบัติการตอบโต้

      ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้ทำผิดข้อตกลงโดยเคลื่อนกำลังพลออก แม้จะกล่าวว่าเป็นการคุ้มครองครู แต่ก็เลยเวลารับส่งครู เป็นการเครื่องกำลังพลออกนอกเส้นทางและมีกำลังพลเป็นจำนวนมากเกินกว่าภารกิจคุ้มครองครูด้วย ซึ่งแหล่งข่าวกล่าวว่า ข้อตกลงนั้นการคุ้มครองครูจะเป็นการรับและส่งตามเวลาที่กำหนดเท่านั้น ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการปฎิบัติที่ผิดข้อตกลงของเจ้าหน้าที่ทหาร

..................................



คำแถลงการณ์

ความเข้าใจร่วมกันเพื่อการริเริ่มเดือนรอมฎอนแห่งสันติสุข

         ตัวแทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติประเทศไทย (ซึ่งต่อไปเรียกว่า Party A) กับตัวแทนของแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ (ซึ่งต่อไปเรียกว่า Party B) ตามข้อตกลงหลักในการพูดคุยครั้งที่สี่ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2013 ที่ผ่านมา บรรลุความเข้าใจในการปฏิบัติเพื่อริเริ่มความพยายามให้มีเดือนรอมฎอน 2013 อันปราศจากความรุนแรงในจังวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย

        ช่วงเวลาในการดำเนินความพยายามร่วมดังกล่าวนี้เป็นเวลา 40 วัน ตั้งแต่ วันที่ 10 กรกฎาคม 2013 ถึง วันที่ 18 สิงหาคม 2013 (วันที่ 1 เดือนรอมฎอน 1434 ฮิจเราะห์ศักราช ถึงวันที่ 10 เดือนเชาวัล 1434 ฮิจเราะห์ศักราช) และปฏิบัติในสามจังวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวมห้าอำเภอในจังหวัดสงขลา ได้แก่ นาทวี สะเดา จะนะ เทพา และสะบ้าย้อย

        ในช่วงเวลาดังกล่าว Party A จะมีความรับผิดชอบต่อการป้องกันอาชญากรรมและการเฝ้าสังเกตเพื่อรักษาความปลอดภัยของสาธารณชน Party A ก็รับรองความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติ ศาสนา หรือฐานะอย่างไรก็ตาม Party A จะงดใช้ปฏิบัติการเชิงรุกเกี่ยวกับปัญหาความมั่นคงที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ด้วย

         ในช่วงเวลาดังกล่าว Party B ต้องพยายามและพิจารณาเพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง รวมไปถึงการโจมตีด้วยอาวุธ การวางระเบิด และการซุ่มโจมตีต่อเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและประชาชนทั่วไป Party B ก็ต้องพยายามที่จะติดตามข้อตกลงครั้งนี้ โดยไม่ทำลายทรัพย์สินของรัฐและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับประชาชน Party B รับรองว่าจะให้เกียรติ เคารพและปกป้องสิทธิ เสรีภาพและความปลอดภัยของคนที่ไม่นับถือศาสนาอิสลามด้วย

           ในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้ง Party A และ Party B จะปฏิบัติอย่างจริงจังเพื่อทำให้เดือนรอมฏอนแห่งปี 2013 เป็นเดือนที่ปราศจากความรุนแรง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ ความเอาจริงเอาจังและความตั้งใจจากทั้งสองฝ่ายในการแสวงหาแนวทางแก้ไข้ปัญหาความไม่สงบ โดยมีเวทีสันติสนทนาเป็นเวทีกลาง ทั้งสองฝ่ายเชื่อว่าสันติสนทนาเป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับสร้างสันติภาพอันยั่งยืนและถาวรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ฝ่ายใดที่ฝ่าฝืน รบกวน หรือไม่ปฏิบัติตามความเข้าใจร่วมกันครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นฝ่ายที่ไม่รักสันติภาพ ฝ่ายที่ไม่เคารพความใฝ่ฝันและความหวังของประชาชน

           ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเข้าใจ เคารพและยึดถือหลักการในความเข้าใจร่วมกันครั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายของการริ่เริ่มเดือนรอมฎอนแห่งสันติสุขในปี 2013



ผู้อำนวยความสะดวกจากรัฐบาลมาเลเซีย
สำนักเลขาธิการ
คณะทำงานร่วมเพื่อสันติสนทนาในภาคใต้ของประเทศไทย
สภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี
วันที่ 12 กรกฎาคม 2013







- See more at: http://www.deepsouthwatch.org/dsj/4479#sthash.Is1TqKZg.dpuf

ในทางปฏิบัติ เกิดอะไรขึ้น
  • เหตุที่ 1 วันที่ 13 กรกฎาคม พบศพชายไม่ทราบชื่อบริเวณริมแม่น้ำโก-ลก บ้านลูโบ๊ะฆง หมู่ 3 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส สภาพศพถูกยิงบริเวณศีรษะ และมีบาดแผลถลอกที่แขนกับข้อมือ
  • เหตุที่ 2 วันที่ 14 กรกฎาคม เวลา 20.30 น.คนร้ายขับรถยนต์เก๋งยิงใส่รถนายอิสมะแอ บาเหะ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 บ้านรือเปาะ หมู่ 4 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส บนทางหลวงหมายเลข 4057 บ้านกวาลอมาแด หมู่ 4 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บ นางมารียะ หะมะ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140/1 หมู่ 5 ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งนั่งมาในรถด้วยได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
  • เหตุที่ 3 วันที่ 15 กรกฎาคม เวลา 13.50 น.คนร้ายดักยิงนายตอเหล็บ สะแปอิง อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 หมู่ 1 ต.สะเอะ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ขณะขับรถจักรยานยนต์ไปทำสวน ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่สะพานข้ามคลองลิเง๊ะ ม.13 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา โดยนายตอเหล็บถูกดำเนินคดีความมั่นคง 5 คดี ศาลยกฟ้องไปแล้ว 1 คดี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการประกันตัว
  • เหตุที่ 4 วันที่15 กรกฎาคม กลางดึกคนร้ายดักยิงนายอับดุลรอฮิม งอเล็ง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/1 หมู่ 5 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ขณะเดินหาปลาจนเสียชีวิต เหตุเกิดหลังโรงเรียนสาลาลุสดินวิทยา ม.11 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ระบุว่า นายอับดุลรอฮิมมีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย ชอบขโมยของชาวบ้าน
  • เหตุที่ 5 วันที่ 16 กรกฎาคม เช้า คนร้ายดักยิงนายมะยาหะลี อาลี อายุ 44 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 บ้านบันนังกูแว อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านและครูตาดีกา มีอาชีพกรีดยาง เสียชีวิต เหตุเกิดที่บ้านบาโงแจเกาะ หมู่ 10 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา ขณะออกไปกรีดยาง
  • เหตุที่ 6 วันที่ 16 กรกฎาคม เวลา 15.00 น. คนร้ายใช้รถยนต์กระบะตามประกบยิงนายปรเมศวร์ วงศ์บุตรรอด อายุ 57 ปี เจ้าของหนังสื่อพิมพ์ท้องถิ่น “อาชญากรรม” ขณะขับรถยนต์บนถนนสาย 418 หมู่ 7 ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยถูกยิงเข้าลำตัวบาดเจ็บ นายปรเมศ ระบุว่า สาเหตุน่าจะเป็นเรื่องการเสนอข่าวบ่อนการพนันใน จ.ยะลา 2 แห่ง ที่อาจสร้างความไม่พอใจให้กลุ่มอิทธิพลและผู้ที่เสียผลประโยชน์
  • เหตุที่ 7 วันที่ 16 กรกฎาคม เวลา 23.30 น. คนร้าย 2 คน ลอบยิงนายสุชัล คงขวัญ อายุ 28 ปี ขณะนอนในขนำกลางสวนยางพารา ม.4 ต.ป่าไร่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เข้ากลางหลัง 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ
  • เหตุที่ 8 วันที่ 17 กรกฎาคม 2556 เวลา 07.35 น. ลอบวางระเบิดทหารพรานชุดลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยครู บนถนนสายบ้านกาโสด – เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา ทำให้ทหารพรานบาดเจ็บ 1 นาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายในพื้นที่
  • เหตุที่ 9 วันที่ 17 กรกฎาคม 2556 ลอบวางระเบิดและโจมตีซ้ำทหารพราน ฉก.ทพ.4807 บริเวณสะพานบ้านปะเระลูโบะ ม.9 ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ขณะลาดตระเวนด้วยรถวีว่า ทำให้ทหารพรานบาดเจ็บ 2 นาย
         แม้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ยกเว้นลอบวางระบิดทหารเมื่อเช้านี้ เจ้าหน้ายังไม่ได้สรุปว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด แต่ในช่วงที่ผ่านมา มีผู้พยายามตั้งคำถามถึงถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน 3 ประเด็นหลักๆ ได้แก่

  • 1.ความสามารถของขบวนการบีอาร์เอ็นในการควบคุมกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่มีจริงหรือไม่
  • 2.อาจมีกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ได้สังกัดขบวนการบีอาร์เอ็นพยายามก่อเหตุเพื่อฉวยโอกาสแสดงบทบาทหรือตัวตนออกมา และ
  • 3.มีการตั้งคำถามถึงความสามารถของเจ้าหน้าที่รัฐด้วยว่า จะสามารถป้องไม่ให้มีเหตุรุนแรงได้อย่างไร
       
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม