
คนร้ายพ่นสีสเปรย์ลวงทหารออกตรวจที่นราฯ ก่อนจุดชนวนระเบิดทหาร-ผญบ.เจ็บ 4
ยะลายิงชาวบ้านดับ มทภ.4ทภ.4 แจง "ทุ่งยางแดงโมเดล" ลดบทบาททหาร สร้างเขี้ยวเล็บท้องถิ่น
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 15 ตุลาคม พ.ต.อ.แวสาแม สาและ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารสังกัด ร้อย.ร.1913 ฉก.นราธิวาส 36 และผู้ใหญ่บ้านได้รับบาดเจ็บรวม 4 ราย เหตุเกิดริมถนนตากใบสุไหงโก-ลก พื้นที่บ้านมือบา หมู่ 4 ต.ปาเสมัส หลังรับแจ้งจึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหลุมลึก 2 ฟุต กว้าง 3 ฟุต ที่บริเวณโคนต้นไม้ริมถนน และมีเศษชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 7 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร กระจายเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้าริมทาง นอกจากนี้กลุ่มคนร้ายยังได้ใช้สี สเปรย์พ่นไว้บนถนนเป็นภาษายาวี ว่า "ปัตตานีเมอร์เดก้า"
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเพื่อนทหารได้ช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ไปก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อคือ ร.ต.คุณานนท์ เพิ่มพรศรี หัวหน้าชุด ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณสะโพกและขาซ้าย จ.ส.อ.สถิตย์ เบ้าแก้ว ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณลำตัว นายสุรินทร์ เจ๊ะนุ ผู้ใหญ่บ้านมือบา และนายอัสรี เจ๊ะแว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมือบา มีอาการแน่นหน้าอกและหูอื้อ

ยิงชาวบ้านดับ 1 ที่ยะลา
เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 15 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุ สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตบนถนนในหมู่บ้านตะโน๊ะมูดู หมู่ 1 ต.จะกว๊ะ จึงได้แจ้ง ร.ต.ท. สุริยันต์ ภูนบทอง ร้อยเวรสอบสวน สภ.จะกว๊ะ ให้นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพนายอาดือลี วาแล๊ะ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 1 ต.สุวารี อ.รือเสาะ นอนเสียชีวิตอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ลำตัว
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายอาดือลี ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ พร้อมใช้อาวุธปืนยิงใส่จนเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่
ลดบทบาททหาร สร้างเขี้ยวเล็บท้องถิ่น
ความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบเผาโรงเรียน 6 แห่ง ใน จ.ปัตตานี นั้น พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ตอนนี้มีหลายฝ่ายได้เข้าไปช่วยกันดูแลโรงเรียนทั้ง 6 แห่งแล้ว และมั่นใจว่า โรงเรียนที่ถูกเผาจะสามารถเปิดสอนได้ในวันที่ 3 พฤศจิกายน นี้แน่นอนแต่เด็กนักเรียนอาจจะลำบากเพราะต้องนั่งเรียนในเต็นท์ หรืออาคารชั่วคราว
พล.ท.ปราการ กล่าวว่า ส่วนทุ่งยางแดงโมเดล เป็นยุทธศาสตร์ที่มีองค์ประกอบจากหลายๆ ส่วน ที่ผ่านๆ มา ฝ่ายความมั่นคงได้ทำงานด้านเชิงรุก มีการเพิ่มกำลังพลที่เป็นทหารพรานและกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร (อส.) 2,700 อัตรา แต่ทุ่งยางแดงโมเดล จะเปลี่ยนแปลงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ โดยจะเพิ่มชุดคุ้มครองตำบล กว่า 100 อัตรา เพิ่มเติมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 หมวด (100 นาย) ต่อ 1 อำเภอ เข้าไปทำหน้าที่ด้านความมั่นคงโดยตรง และเพิ่มบทบาทของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้มากขึ้น โดยจะมีการบรรจุ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จำนวน 59 อัตรา ให้มาเป็นเจ้าหน้าที่โดยตรงของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อเสริมความเข้มแข็งให้อำเภอ
พล.ท.ปราการ กล่าวอีกว่า โมเดลนี้จะลดบทบาทของเจ้าหน้าที่ทหารที่อาจจะดูแข็งเกินไป เพราะทหารมีหน้าที่สู้รบกับข้าศึก แต่ในพื้นที่ชายแดนใต้ไม่มีข้าศึก มีแต่ผู้ที่เห็นต่างกับรัฐ โดยเราจะนำประเด็นตรงนี้ ไปพูดคุยสันติสุขกับฝ่ายที่ไม่เห็นต่าง เพื่อเสริมและเติมความเข้มแข็งภายในหมู่บ้าน โดยจะให้พี่น้องประชาชนมาดูแลพื้นที่ของตัวเอง โดยให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ออกมารับ-ส่งครู ทั้งเช้า เย็น ควบคู่กับชุดคุ้มครองตำบล ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจ ทหารออกลาดตระเวนในป่า โดยจะมีทหารบางส่วนเข้าไปพบปะชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน
"เราไม่ได้ฝึกให้ชาวบ้านไปสู้รบกับโจร เพียงแค่ให้ป้องกันตัวและแจ้งเหตุได้ตามแผน คือแจ้งเหตุทางวิทยุ โทรศัพท์ สัญญาณเตือนภัย เมื่อมันดังขึ้นมาทุกคนมีหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ต้องไปสู้รบระยะประชิด เราไม่อยากให้ประชาชนได้รับอันตรายจากการสู้รบกับคนร้าย แต่ต้องการที่จะให้ทำตามแผนนี้สู้ได้ ป้องกันตัวเองได้ ป้องกันโรงเรียนได้" พล.ท.ปราการ กล่าว
เดินหน้าเจรจาสันติภาพ
พล.ท.ปราการ กล่าวด้วยว่า ส่วนการขับเคลื่อนการพูดคุยเพื่อสันติภาพนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้แผนมาตั้งแต่ท่านเป็น ผบ.ทบ.และให้แนวทางในการดำเนินการแก้ปัญหามีการเขียนแผนแล้วเสนอขึ้นไปให้กับหน่วยเหนือ หน่วยเหนืออนุมัติลงมากลายเป็นแผนที่จะต้องนำมาสู่ภาคปฏิบัติ โดยได้เชิญ ดร.วันกาเดร์ อดีตแกนนำเบอร์ซาตู มาพูดคุยกัน ที่ผ่านมามีการเปิดการพูดคุยมาแล้ว 40 ครั้ง ใน 14 กลุ่ม
"มีการเชิญมาพูดคุยกัน ทั้งผู้ที่เห็นต่าง และผู้ที่มีความเชื่อมโยงกันกับกลุ่มเคลื่อนไหว เราเดินหน้าไปแล้วข้อมูลที่ได้ทั้งหมดได้ส่งไปที่คณะกรรมการเกี่ยวกับรัฐ เพื่อเป็นข้อมูลในการพูดคุยกัน ซึ่งการดำเนินการพูดคุยต้องมีระบบ และต่อเนื่อง พร้อมทั้งรับฟังความเห็นจากทุกกลุ่มในพื้นที่ ทั้งพี่น้องไทยพุทธและมุสลิม ทั้งภาครัฐภาคเอกชน เรายินดีรับฟังหมด เพื่อต้องการให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขและนำมาสู้ความสันติภาพ" พล.ท.ปราการ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น