วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

บุญบ้าบุญบอของไชยบูลย์

บทความชุดนี้ มีสาเหตุมาจากได้ไปอ่านเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง คุณจิตพุทธได้เข้ามาแสดงความเห็นโดยตั้งชื่อกระทู้ว่า "พระวัดพระธรรมกายสอนอย่างนี้ รับไม่ได้จริงๆ"
เนื้อหาของกระทู้มี ดังนี้

คือเมื่อวันที่ 3-6 เดือนนี้ ญาติผู้ใหญ่ที่มาฐานะร่ำรวยมากอายุ 80 ปีแล้วผู้เป็นศิษย์วัดพระธรรมกายมา 30 ปีแล้ว ได้ขอร้องให้ดิฉันไปเป็นเพื่อนปฏิบัติธรรมร่วมกับคนวัดอีก 24 คนที่รีสอร์ทหรูแห่งหนึ่งที่เขาใหญ่โดยเขาออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

ดิฉันขับรถไปกัน 2 คนป้าหลาน บรรยากาศที่นั่นแสนสบายอากาศดี ห้องพักหรู บุฟเฟต์อย่างดี 2 เวลา เช้า-กลางวัน คนวัดก็อัธยาศัยดี

มีการทำสมาธิทำใจใสๆ ให้เห็นดวงแก้วกลางท้องให้ได้และมีพระ 3-4 รูปผลัดกันเทศน์โน้มน้าวจิตใจคนวัดให้เลื่อมใสในวิชาธรรมกายเกิดความฮึกเหิมในการทำทานบารมีชนิดทุ่มสุดฤทธิ์ปิดบัญชีธนาคารวันละ 3 เวลา

อะไรๆ ดิฉันก็พอทนได้เพราะคิดว่าการมาครั้งนี้มาฟรี และได้สงเคราะห์ญาติผู้ใหญ่ให้ได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรมตามที่ใจเขาปรารถนา แต่ที่ดิฉันทนไม่ได้อย่างมากก็คือคำสอนของพระแต่ละรูป ดิฉันไม่รู้ว่าทานสอนไปได้อย่างไร

อย่างเช่นว่า  ท่านสอนว่า ระหว่างความสุข ความทุกข์ ความไม่สุขไม่ทุกข์ พวกเราควรจะเลือกอะไร ในเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่า นิพพานัง ปรมัง สุขขัง นิพพานเป็นบรมสุข แสดงว่าความสุขเป็นของดี ดังนั้นพวกเราควรเลือกเอาความสุข 

พระยังสอนอีกว่า ระหว่างรวย จน ไม่รวยไม่จน เราก็ต้องเลือกรวยเอาไว้ก่อน เพราะรวยทำให้เราสามารถทำทานบารมีไปจนถึงที่สุดแห่งธรรมได้

คำสอนของพระแต่ละรูปไม่ได้สอนให้คนซาบซึ้งถึงความจริงของชีวิตคืออริยสัจ 4 หรือสอนให้เห็นไตรลักษณ์ ว่าทุกสิ่งมันไม่เที่ยง มันแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ท่านกลับสอนให้ใจไปยึดติดแต่ความสุขจอมปลอม สอนให้ยึดความรวยเป็นเป้าหมาย
คำสอนเน้นๆ แต่เรื่องให้ทำทานยิ่งมากยิ่งบุญเยอะ ให้จิตเกิดปิติแล้วอธิษฐานจิตให้รวย  ทุกคนมีเป้าหมายในชีวิตคือต้องรวยมากๆ จะได้สามารถทำทานบารมีให้เต็มที่ ตายไปต้องได้ไปอยู่ดุสิตบุรีแน่นอน ถ้าไปเกิดอีกก็จะได้เป็นคนรวย

แต่ที่รับไม่ได้จริงๆ ก็คือ พระถามว่า ใครคือผู้ยิ่งใหญ่ใน ภพ ลูกศิษย์ทุกคนตอบพร้อมเพรียงกันว่า หลวงพ่อพระธัมมชโยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพ

ดิฉันฟังแล้วสลดใจและรับไม่ได้จริงๆ

จากการอ่านกระทู้ของคุณจิตพุทธด้วยความเป็นกลางค่อนข้างไปทางเกลียดสมีไชยบูลย์ผู้เป็นมารอย่างจริงจัง และเปรียบเทียบกับความรู้ดั้งเดิมที่ศึกษามาหลายสิบปี

ต้องยอมรับว่า เนื้อหาของกระทู้ดังกล่าวเป็นความจริง

ก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง "บุญบ้าบุญบอของไชยบูลย์" ขอแถมเรื่องที่ว่า "ไชยบูลย์เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในภพสาม" เสียก่อน.. เพื่อเรียกน้ำย่อย

คุณจิตพุทธเขาสลดใจและรับไม่ได้ในคำสอนของพระ  แต่ผมสลดใจในความโง่ของพระในวัดพระธรรมกาย

ตั้งแต่ไชยบูลย์บวชมานั้น เป็นพระที่ดีไม่กี่ปี พอเงินเข้า สตรีหา ไชยบูลย์ก็กระเถิบเข้าใกล้ความปราชิกไปเรื่อยๆ

ไชยบูลย์ไม่เคยมีลักษณะที่ใกล้เคียงพระอริยบุคคล หรือเป็นพระที่มีบุญบารมีเลย  สถานที่ที่ไชยบูลย์ไปมากที่สุดก็คือ โรงพัก กับ ศาล

ถ้าอยู่ในวัดแล้ว เห็นสมีไชยบูลย์ “เหาะ” ไปฉันอาหารเช้าที่ป่าหิมพานต์ ไปฉันอาหารเพลที่เขาไกรลาส ก็น่าจะยอมรับได้ว่า มารไชยบูลย์ยิ่งใหญ่ในภพสามจริง

แต่นี่ เป็นเบาหวานจะตายอยู่ร่อมมะร่ออยู่แล้ว ถูกสังคมประณามมาตลอดชีวิตการบวชพระ ตั้งแต่แชร์ชม้อย แชร์น้ำมัน เมียชาวบ้าน ล่าสุดก็โกงเงินวัด 960 ล้าน
คนอย่างนี้นะหรือที่เป็นใหญ่ที่สุดในภพสาม ถ้าเป็นใหญ่ที่สุดในนรกโลกันต์ ก็น่าจะเป็นไปได้

แล้วคำว่า ใหญ่ที่สุดในภพสาม หมายความว่าอย่างไร พวกโง่ๆ ในวัดพระธรรมกายจะรู้ความหมายหรือเปล่าก็ไม่รู้

กลับมาเข้าเรื่อง

มารไชยบูลย์นั้น เอาบุญมาล่อหลอกประชาชน สารพัดวิธีที่จะทำ ให้ปิดบัญชีบ้าง ยุให้ขายตัวเอาเงินมาทำบุญมีบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้  แต่ให้ขายไร่ ขายสวน ขายสมบัตินั้นมีแน่ๆ
ที่ผมอยากจะเขียนไว้เพื่อความสะใจของผมเองในความโง่ของบุคลากรของวัดพระธรรมกายก็คือ หลวงพ่อวัดปากน้ำ เขียนเรื่องการตรวจสอบดวงบุญ ดวงบาป และดวงไม่บุญไม่บาปไว้ในหนังสือคู่มือสมภาร ในบทบัญญัติที่ 11 ดังนี้

ในกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายของแต่ละกาย มีดวงกลมซ้อนกันอยู่ ๓ ดวง ดวงแรกมี  สีเทาๆ อยู่ข้างนอก นี่คือ ดวงอัพยากตากฤต หรือธรรมกลาง 
ถัดเข้าไปในกลางดวงของธรรมกลางนั้น มีอีกดวงหนึ่งสีดำประดุจนิล นี่คือ ธรรมดำหรืออกุศลธรรม 

ส่วนดวงที่ ๓ ซึ่งซ้อนอยู่ในกลางดวงดำนั้น มีสีขาวใสบริสุทธิ์ยิ่งนัก นี่คือ ธรรมขาว หรือกุศลธรรม

ธรรมขาวนี้ ก็คือ ดวงบุญ  ธรรมดำ คือ ดวงบาป  ธรรมกลาง คือ ดวงไม่บุญไม่บาป
ดวงบุญ ดวงบาป และดวงไม่บุญไม่บาปนี้ มีขนาดของดวงไม่คงที่ บางคนก็มีดวงบาปโต บางคนก็มีดวงบุญโต  ส่วนผู้ที่ไม่นิยมทำบุญทำบาป ก็มีดวงไม่บุญไม่บาปโต 
ถ้าทำบุญมาก จะทำให้บาปและไม่บุญไม่บาปมีน้อย และถ้ามีบาปมาก บุญและไม่บุญไม่บาปก็ย่อมจะมีน้อย ดังนี้เป็นต้น

ดวงบุญ ดวงบาป และดวงไม่บุญไม่บาปนี้ แต่ละดวงก็มีธาตุมีธรรม ส่วนที่เห็นปรากฏนั้นเป็นส่วนธาตุ ธรรมนั้นซ้อนอยู่ในว่างกลางธาตุอีกทีหนึ่ง เพราะละเอียดกว่าประณีตกว่า
เอาธาตุของดวงบุญประกอบเป็นกสิณ  ธรรมของดวงบุญเป็นสมาบัติ  เดินสมาบัติในกสิณ ตรวจดูธรรมขาว (กุศลธรรม) ให้เห็นตลอดจนถึงภพ

เอาธาตุของดวงบาปประกอบเป็นกสิณ ธรรมของดวงบาปเป็นสมาบัติ เดินสมาบัติในกสิณ ตรวจดูธรรมดำ (อกุศลธรรม) ให้เห็นตลอดจนถึงภพ

เอาธาตุของดวงไม่บุญไม่บาปประกอบเป็นกสิณ ธรรมของดวงไม่บุญไม่บาปเป็นสมาบัติ เดินสมาบัติในกสิณ ตรวจดูธรรมกลาง (อัพยากตากฤต) ให้เห็นตลอดจนถึงภพ
ในธรรมขาว ดำ กลาง เหล่านี้ แต่ละธรรมก็มีนิพพาน ภพ ๓ โลกันต์ เหมือนกัน พวกนี้ต้องตรวจดูให้ละเอียด

ที่ผมสะใจในความโง่ของบุคลากรในวัดของพระธรรมกายก็คือ มารไชยบูลย์หลอกล่อให้ทำงานอย่างทาส หลอกล่อเองเงินของประชาชนไปทำอะไรก็ไม่รู้

ทำไมไม่บอกให้ประชาชนตรวจดูดวงบุญของเขาบ้างว่า ไปถึงไปแล้ว  ใกล้ดุสิตบุรี เฟส 9,999,999 หรือยัง

ก็มารไชยบูลย์ทั้งเคยเผาหนังสือคู่มือสมภาร แล้วก็กลับมาพิมพ์คู่มือสมภารแจกในงานศพคุณยายจันท์ ยิ่งใหญ่กว่าใครในภาพสาม  ทำไมสอนการตรวจดูดวงบุญ-ดวงบาปไม่ได้

มันน่าแปลกใจ..พิลึก...

ผมท้าทายความยิ่งใหญ่ของมารไชยบูลย์คนนี้มาหลายครั้งหลายหาแล้ว สานุศิษย์ของผู้เป็นสมีท่านนี้ ช่วยไปบอกทีว่า ผมวิพากษ์วิจารณ์ท่านอย่างเสียๆ หายๆ   ท่านผู้ยิ่งใหญ่ในภพสาม  ช่วยเอาฟ้ามาผ่าผมหน่อย

ตอนนี้คันหลังอยู่  อาจจะหายคันไปบ้าง

ดร. มนัส โกมลฑา  (Ph.D. Integrated Sciences)
สาขาวิชามนุษยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
E-mail: komoltha4299@gmail.com;komoltha4299@yahoo.com
Web: https://sites.google.com/site/manaskomoltha
Blog: http://manaskomoltha.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม