Narater2009: ใครพูด พูดอะไร จำได้ไหม ยุทธศาสตร์ดาวะประเทศไทย

ที่โรงแรมเฟิร์ส ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถฯ ทรงห่วงใยสถานการณ์ในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก เพราะหลังจากปี 2547 เป็นต้นมาสถานการณ์ในพื้นที่มีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พบการปรากฏตัวของกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน และเริ่มมีประชาชนร้องทุกข์เนื่องจากมีกลุ่มมอเตอร์ไซด์ 5-6 คันออกก่อกวนตามหมู่บ้าน มีการยิงกราดใส่บ้านเรื่องราษฎร ทำร้ายและฆ่าพระสงฆ์ เผาวัด เผาโรงเรียน ซึ่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทนไม่ได้ และขอให้ตนลงไปดู ซึ่งตนก็ลงไปเดือนละหลายครั้ง แต่ไปส่วนตัว ไม่ได้แจ้งบอกใคร

“ผมขอใช้คำว่ามีมุสลิมแค่กลุ่มหนึ่งเท่านั้น ที่มีเป้าหมายดังกล่าว เริ่มตั้งแต่ทำร้ายพระสงฆ์ ทำร้ายคนต่างศาสนา ทำให้พระสงฆ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ลาสิกขาบทไปจำนวนมาก จาก 266 วัด จะมีพระเหลือวัดละ 1-2 รูปเท่านั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ ท่านรับสั่งให้ผมลงไปดู และสั่งตั้งคลังอาหารที่ตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ เพื่อนำข้าวสารอาหารแห้งไปส่งที่วัด ไม่ต้องให้ออกมาบิณฑบาตไกลจากบริเวณวัด เพื่อลดอันตรายที่จะเกิดขึ้น นอกจากนั้น ยังได้พระราชทานปัจจัย และ จัดให้ประชาชนมาตักบาตรที่วัดด้วย “

นอกจากนั้นยังมีการข่มขู่พระสงฆ์ทั้งการเขียมจดหมาย และ การส่งกระสุนมาในซองจดหมายให้พระออกจากวัดไปโดยเร็ว ซึ่งตนได้พยายามลงไปเยี่ยมเยียนให้กำลัง พระหลายท่านมีกำลังใจดี และไม่ยอมทิ้งวัดไปไหน เพราะทราบดีว่าเป้าหมายของพวกนี้ต้องการยึดครองพื้นที่ พร้อมกันนั้น ตนยังได้เพิ่มจำนวนพระสงฆ์ลงไปในพื้นที่ โดยเมื่อวันที่ 27 กค.ที่ผ่านมามีพระสงฆ์จากภาคอีสานและเหนือพร้อมลงไปในพื้นที่ 60 รูป เมื่อรวมกับที่มีการจัดโครงการบวชในพื้นที่อีกจำนวนหนึ่ง ก็ทำให้จำนวนพระสงฆ์ในพื้นที่เพิ่มขึ้นมา

พล.อ.ณพล กล่าวว่า ชาวบ้านที่อยู่รอบบริเวณวัดถูกข่มขู่ และลอบทำร้าย เพื่อกดดันให้ขายที่ดินให้ จากข้อมูลพบว่าหลายหมู่บ้านมีการย้ายถิ่นฐานออกนอกพื้นที่ไปมาก เช่นที่บ้านดุซงญอ จาก 200 ครอบครัว เหลือแค่ 5 ครอบครัว และคนที่ยังอยู่ในหมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุทั้งนั้น ทำให้ทหารต้องจัดชุดไปอารักขาดูแลความปลอดภัย อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้บอกไว้ว่าทหารมีงานเยอะเพราะต้องจัดชุดเหล่านี้ไปทิ้งไว้ตามหมู่บ้าน นอกจากนั้น กลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงยัง ทำลายพื้นที่ทางด้านเศรษฐกิจเพื่อให้ร้านค้าประกอบการไม่ได้ และตัดสินใจออกไปจากพื้นที่ หรือแม้กระทั่งการการยิงรถขายอาหารที่จะไปขายในหมู่บ้าน หรือ ร้านค้าย่อยที่ทุกคนต้องมาจับจ่ายใช้สอย ก็เพื่อต้องการบีบให้คนทิ้งฐานไป

“ผมได้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้ทั้งหมด ว่าหมู่บ้านไหนมีเหตุเกิดเท่าไหร่ คนตาย คนเจ็บกี่คน บันทึกไว้หมด ทำเป็นสถิติ เพื่อวิเคราะห์ได้ว่าทำไมต้องทำตรงนี้บ่อย เพื่อต้องการให้คนตรงนี้ออกไปใช่หรือไม่ รวมถึงข้อมูลความเดือดร้อนและ จดหมายร้องทุกข์ ตรงนี้ผมก็นำเรียนให้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ตลอด จะเห็นได้ว่าเป้าหมายของคนที่ก่อเหตุคือต้องการให้คนออกจากตรงนี้ให้หมด โดยการปิดล้อมทุกด้าน คือ ปิดล้อมทางด้านศาสนา สังคม เศรษฐกิจ การศึกษา โดยเฉพาะกรณีของโรงเรียนสอนศาสนา จะพบว่ามีกฎกระทรวงที่ว่าด้วยเรื่องเงินอุดหนุนเป็นแรงจูงใจให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ไปเผาโรงเรียนสามัญ เพื่อบีบให้นักเรียนไปเรียนที่ปอเนาะ หวังเงินอุดหนุนรายหัวที่มากกว่า ส่วนการปิดล้อมทางทหารนั้นผมไม่อยากพูดมาก ขอให้เป็นเรื่องของรัฐบาลและกองทัพไปแก้ไขปัญหากัน “

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการบรรยาย พล.อ.ณพล ได้นำซีดีมาเปิดเพื่อฉายภาพของ พระสงฆ์ที่ถูกสังหารจากการวางระเบิด การยิง ฟันหัว รวมถึงชาวบ้านที่ถูกระเบิดขาขาด เด็กโดนมีดฟัน หญิงท้องที่ถูกยิงจนไส้แตก ศรีษะของชายที่ถูกตัดหัวถูกโยนไว้ในตลาดสด รวมถึงคลิปของชายมุสลิมที่นั่งอยู่บนเวทีห้องประชุม ด้านหลังเวทีขึงผ้าเขียนอักษรภาษาอาหรับ มีเสียงพูดกับผู้เข้าร่วมประชุม

โดย พล.อ.ณพล บอกว่า ชายผู้นี้เป็นชาวตะวันออกกลาง กำลังพูดระหว่างประชุม แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าที่ไหน เนื้อหาบอกว่า เขาต้องรับผิดชอบดาวะในประเทศไทย เป้าหมายชองเขาไม่ใช่แค่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ต้องกระจายไปทุกภาค (ไปดูเรื่องนี้ได้ที่ ยุทธศาสตรดาวะ)คำว่าชาติคือคนกับแผ่นดิน ถ้าให้คนหนีออกไป แผ่นดินก็จะเป็นของเขา

ท่านคงจำได้ หลังจากที่ลุงคำต๋าได้เผยแพร่เรื่องยุทธศาสตร์ดาวะประเทศไทย กับสองบทความนี้ มี Email มีความเห็นเข้ามามากมาย ว่าลุงคำต๋าเพี้ยน ลุงคำต๋าใส่ร้ายเค้า ลุงค้ำต๋ากล่าวหามุสลิม คราวนี้ลุงคำต๋าไม่ได้พูดเอง ให้ท่านเลือกเองว่า ใครพูด พูดอะไร พูดทำไม่ พูดเมื่อไหร่ แล้วพูดหลังลุงคำต๋านานเท่าไหร่

ถ้าจำไม่ได้ เอามาย้อนให้ดูกันอีกรอบ