วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนจะต้องหมดไปจากแผ่นดินปลายด้ามขวาน

ขบวนการนักการเมืองน้ำมันเถื่อนในภาคใต้

          ปัจจุบันขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นเรื่องใหญ่ และไม่ธรรมดา เพราะพื้นที่การจำหน่ายน้ำมันเถื่อนไม่ได้จำกัดอยู่อำเภอแนวชายแดนเหมือนในอดีต แต่มีการขยายวงกว้างไปใน 14 จังหวัดภาคใต้ และบางส่วนถูกนำเข้าไปจำหน่ายในจังหวัดภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร กันแล้ว

         ขบวนการนี้ไม่ธรรมดาอย่างไร คำตอบก็คือ ใช้วิธีการลักลอบโดยกองทัพมด และใช้รถดัดแปลงถังน้ำมันที่มีความจุ 400-500 ลิตร มาเป็นรถแทงเกอร์ หรือรถส่งของเหลว จำนวน 3,000 ลิตร และจากจำนวนรถดัดแปลงไม่ถึง 100 คันต่อหนึ่งจังหวัด กลายเป็น 1,000 คันต่อจังหวัด และแต่ละคันสามารถผ่านเข้า-ออก ระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยผ่านช่องทางศุลกากร คันละ 4-5 เที่ยวต่อวัน...ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

         ในส่วนการค้าทางทะเล วันนี้ทะเลอ่าวไทยมีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนกว่า 500 ลำ ครึ่งหนึ่งเป็นของนักการเมืองระดับชาติ และนักการเมืองท้องถิ่น อีกครึ่งหนึ่งเป็นของนายทุนที่อิงแอบอยู่กับนักการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐ มีท่าเรือขนถ่ายน้ำมันเถื่อน ตั้งแต่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี สงขลา นครศรีธรรมราช กว่า 100 แห่ง มีรถบรรทุกน้ำมันตั้งแต่ 6 ล้อ ถึง 10 ล้อ และ 22 ล้อ ที่อยู่ในเครือข่ายกว่า 200 คัน

         แต่ละวัน แต่ละคืน จะมีน้ำมันเถื่อน ถูกนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ทางบกผ่านช่องทางศุลกากรที่ ต.สำนักขาม ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา และ ต.ประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา ไม่ต่ำกว่าวันละ 500,000 ลิตร และที่นำเข้าทางเรือใน จ.สงขลา ไม่ต่ำกว่า 2,000,000 ลิตรต่อวัน

          เช่นเดียวกับน้ำมันเถื่อนที่ผ่านช่องทางด่าน ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล และนำมาเก็บไว้ในโกดังแนวชายแดน บ้านวังประจัน ไม่ต่ำกว่าวันละ 500,000 ลิตร และถูกนำเข้าทางเรือด้านทะเลอันดามัน อ.เมืองสตูล อ.ละงู และ อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล อีกไม่ต่ำกว่า 1,000,000 ลิตรต่อวัน


         ส่วนที่ผ่านทาง อ.สุไหงโก-ลก อ.ตากใบ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ซึ่งที่ อ.สุไหงโก-ลก นั้นผ่านทางช่องทางด่านศุลกากร และผ่านทางแม่น้ำสุไหงโก-ลก วันละไม่ต่ำกว่า 1,000,000 ลิตร น้ำมันเถื่อนเหล่านี้เมื่อนำมารวมกันแล้ว จะมีตัวเลขการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนวันละไม่ต่ำกว่า 4,000,000 ลิตร เป็นน้ำมันเบนซินครึ่งหนึ่ง ที่เหลือเป็นน้ำมันดีเซล แสดงว่ามีการค้าน้ำมันเถื่อนวันละ 100 กว่าล้านบาท ถ้าคิดราคาน้ำมันเป็นเงินไทย และใน 100 กว่าล้านบาท รัฐต้องขาดรายได้ที่เป็นภาษีของประเทศไปไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาทต่อวัน


         สำหรับที่เป็นเรื่องสำคัญกว่าการขาดรายได้ที่เป็นภาษีของประเทศ คือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โดย พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มีการระบุชัดเจนว่า ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนเป็นขบวนการเดียวกับขบวนการค้ายาเสพติด และอาวุธสงครามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น มีการพบหลักฐานที่ชัดเจนว่า เงินจากการค้าน้ำมันเถื่อนส่วนหนึ่งถูกส่งให้กับขบวนการ “อาร์เคเค” หรือ “ขบวนการแบ่งแยกดินแดน บีอาร์เอ็น” เพื่อใช้ในการก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาตรการป้องกันนั้น ต้องใช้กำลังทหารของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และใช้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ทำการจับกุม ทั้งที่เส้นทางนำเข้าน้ำมันเถื่อนทางบกนั้น 80 เปอร์เซ็นต์ผ่านทางช่องทางศุลกากร และประตูเข้า-ออก ระหว่างประเทศ มีการเข้า-ออก วันละ 4-5 เที่ยวต่อคัน??

        วันนี้ จึงมีเพียงชุดปฏิบัติการแก้ปัญหาภัยแทรกซ้อนของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเท่านั้น ที่ทำหน้าที่ ตรวจค้น จับกุมขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ซึ่งล่าสุด การบุกเข้าจับกุมที่ ต.สำนักขาม และที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งได้น้ำมันเถื่อนจำนวนมาก และได้รถยนต์ดัดแปลงถึง 11 คัน รวมทั้งการยึดน้ำมันเถื่อนที่ ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล เป็นจำนวนมาก และเกิดปัญหาของกลาง “ล่องหน” ในขณะที่อยู่ในความดูแลของตำรวจ จนเป็นข่าวฉาวโฉ่ ในขณะนี้ เป็นการทำหน้าที่ของดีเอสไอ และ กำลังทหาร จาก กอ.รมน.ภาค 4 ทั้งสิ้น

        การหยุดขบวนการน้ำมันเถื่อน ที่ทำลายเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ ไม่จำเป็นต้องใช้ กองทัพ หรือใช้ ดีเอสไอ ให้สูญเสียงบประมาณและกำลังพล เพียงแต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำหน้าที่ของตนเองเท่านั้น ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนก็จะหมดไปจากแผ่นดินปลายด้ามขวาน และคงไม่ต้องกล่าวกันมากว่า การสกัด ป้องกัน และจับกุมเป็นหน้าที่ของใคร??.
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม