รำพึงถึง มาลาล่า ยูซัฟไซ
| |
โดย จอห์น วิญญู
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ปีที่ 32 ฉบับที่ 1679 หน้า 79
ขณะที่กำลังนั่งเขียนต้นฉบับนี้ น้องมาลาล่า ยูซัฟไซ กำลังถูกเคลื่อนย้ายจากโรงพยาบาลในปากีสถานไปรักษาตัวต่อที่สหราชอาณาจักร
เด็ก
หญิงวัย 14
ปีชาวปากีสถานนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิในการได้รับการศึกษาของผู้หญิงมุสลิม
ถูกสมาชิกตาลีบันพยายามฆ่าโดยยิงเข้าที่หัวและลำคอในระยะประชิดบนรถโรงเรียน
ขณะกำลังเดินทางกลับบ้าน
เพื่อนหญิงของมาลาล่าสองคนก็ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ฝ่ายราชการของปากีสถานยังคงให้ข่าวไปในทางที่ว่ามาลาล่าอาการดีขึ้นและจะค่อยๆ ดีขี้นเรื่อยๆ
แต่จากหลายแหล่งข่าวภายในโรงพยาบาลกลับพูดไปอีกทางหนึ่งว่าเด็กหญิงมีโอกาสรอดชีวิตน้อยมากเนื่องจากอาการสมองบวมอย่างรุนแรง
ฝ่ายตาลีบันประกาศว่าถ้างานนี้ไม่ตาย จะกลับมาเอาให้ตายให้ได้---
ทั้งหมดนี้เพราะผู้หญิงไม่ควรได้รับการศึกษา
และเด็กหญิงที่ออกมาประณามตาลีบันและเรียกร้องสิทธินี้สมควรถูกผู้ชายตัวโตๆ ยิงสังหารในระยะประชิด
มรึงแมนมาก
ภาย
ใต้การปกครองและในพื้นที่อิทธิพลของตาลีบันเด็กผู้หญิงเป็นจำนวนมากใน
อัฟกานิสถานและปากีสถานไม่ได้เรียนหนังสือเพราะเป็นการเสี่ยงอันตรายเกินไป
โรงเรียนโดนระเบิด โดนเผา รถโรงเรียนถูกซุ่มโจมตี
ครูและเจ้าของโรงเรียนผู้หญิงตกเป็นเป้าสังหารอยู่เสมอ
วัน
ที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมาเป็นวันเด็กหญิงสากล (International Day of the
Girl) CNN สัมภาษณ์
หญิงสาวชาวอัฟกันนางหนึ่งที่ต้องปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายแล้วเดินเท้าไป
โรงเรียนไปกลับเที่ยวละ 45 นาทีทุกวัน สัปดาห์ละ 6 วัน เพื่อไปโรงเรียน
แล้วโรงเรียนที่ว่านี่ เป็นโรงเรียนลักลอบเปิดสอนด้วยนะครับ
โรงเรียนคือห้องโถงบ้านครู (ผู้หญิง)
ที่มีเด็กหญิงแออัดยัดเยียดกันเรียนถึงหนึ่งร้อยคน
ทุกคนรู้ว่าหากตาลีบันมาเจอจะต้องตายกันหมด
พ่อแม่ของเด็กๆ ก็รู้ว่าถ้าวันไหนลูกเดินไปโรงเรียนแล้วตาลีบันมาเจอเข้าว่าเป็นเด็กผู้หญิงปลอมตัว ทั้งลูก ทั้งพ่อแม่มีสิทธิตายหมู่
คุณ
ครูก็รู้ว่าหากเรื่องโรงเรียนลักลอบนี้แพร่งพรายออกไป
คุณครูและครอบครัวก็มีสิทธิจะถูกฆาตกรรมได้ เด็กๆ
ก็รู้อยู่แก่ใจว่ากำลังเสี่ยงกับอันตรายทุกวัน
ปัจจุบัน
ชาบาน่า บาจีฟ ราซิก
หญิงสาวคนดังกล่าวจบปริญญาตรีแล้วจากมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งใน
สหรัฐอเมริกาและกลับไปเปิดโรงเรียนประจำหญิงที่กรุงคาบูล อัฟกานิสถาน
เธอเล่าเสริมว่า ด้วยความกลัว ความเหนื่อยล้าและไม่เห็นอนาคตที่ดีกว่า
เธอจึงงอแงไม่อยากไปโรงเรียนอยู่บ่อยๆ
แต่พ่อแม่ของเธอนั่นแหละที่ไม่ยอมให้เธอเลิก
เพราะต่างก็เชื่อในคุณค่าของการศึกษาอย่างสุดหัวใจ
เธอ
เล่าถึงพ่อของเธอว่าเขาย้ำกับเธอเสมอว่าเงินถูกปล้นได้ บ้านถูกยึดได้ อะไรๆ
ที่เรามีก็ถูกยึดเอาไปได้
แต่ความรู้ที่มีจากการได้รับการศึกษาไม่มีใครเอาไปจากเราได้ ดังนั้น
เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ การเสี่ยงชีวิตจึงเป็นการเสี่ยงที่คุ้มค่า
เด็ก
หญิงชาบาน่า บาจีฟ ราซิก จึงมีวันนี้และสามารถมาทำอะไรดีๆ
ต่อให้ผู้อื่นที่ต้องการได้อีก
ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าของครอบครัวและสังคมประเทศนั้นจริงๆ
การยอมเสี่ยงเจ็บเสี่ยงตายเพื่ออะไรบางอย่าง บางอย่างนั้นมันต้องเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากในความรู้สึก
การ
ยอมเสี่ยงเจ็บเสี่ยงตายเพื่อให้ได้มาซึ่งการศึกษานั้น
แสดงถึงการให้ความสำคัญกับความรู้มาก ("ความรู้" นะครับ ไม่ใช่ใบปริญญา
กรุณาอย่าเหมาว่าเป็นสิ่งเดียวกัน)
ทั้งหมดนี้ทำให้ผมกลับมามองตัวเอง (และขอเชิญชวนให้คุณผู้อ่านลองทำเช่นเดียวกัน)
แล้วพยายามจินตนาการว่า มีอะไรบ้างในชีวิตที่มีความสำคัญมากพอที่จะยอมเจ็บยอมตายยอมเสี่ยงเพื่อให้ได้มามั้ย
เปล่า
ครับ ไม่ได้จะดราม่า---มันก็แค่น่าคิดเฉยๆ
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องมีสิ่งนั้นซะเมื่อไหร่ ไม่มีก็ไม่มีใครว่า
แต่ถ้าทุกคนลองคิดดูดีๆ แล้วเกิดมันมี
สิ่งนั้นแวบขึ้นมาในหัว แล้วเราบอกตัวเองว่าใช่แล้ว สิ่งนี้แหละที่เรายอมแลก ยอมแลกแม้กระทั่งชีวิตเพื่อให้ได้มา
แล้ว
ถ้าสมมติว่าสิ่งนั้นมีมากกว่าหนึ่งคนที่คิดเหมือนคุณ
มีมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่คิดเหมือนคุณ มีมากกว่าล้านคนที่คิดเหมือนคุณ
มันจะพอเป็นไปได้ไหม ...
ที่เราจะบอกว่า
| |
http://narater2010.blogspot.com/
|
วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555
รำพึงถึง มาลาล่า ยูซัฟไซ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น