‘อิมรอน’
เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 11 ปี เหตุการณ์ปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสร้างโจรใต้ (วันเสียงปืนแตก) ในวันนั้นโจรใต้ได้ปล้นอาวุธปืนไป จำนวน 413 กระบอก
ตลอด 11 ปีไฟใต้ มีปืนที่ถูกโจรใต้ปล้นไปแล้วทั้งสิ้น 2,004 กระบอก ติดตามคืนได้ 751 กระบอก สำหรับอาวุธปืนที่ถูกปล้นไปล็อตใหญ่ มี 2ครั้ง ด้วยกันกล่าวคือ
สถานการณ์ปัจจุบันนี้ยังมิอาจบอกได้ว่าความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะยุติลงเมื่อใด แต่ปี 2557 และกำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 11 ของความขัดแย้ง ณ ดินแดนปลายด้ามขวาน สถานการณ์ในพื้นที่ได้บ่งบอกเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นตามลำดับ ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลในการสานต่อพูดคุยสันติสุขในพื้นที่ จชต. กับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐเริ่มมีความชัดเจน โดยมีประเทศมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกเหมือนเดิม
ครบรอบ 11 ปีไฟใต้กลุ่มขบวนการที่ได้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์เย้ยกฎหมายรัฐบาลไทยได้ประเมินความได้เปรียบเสียเปรียบต่อการเคลื่อนไหวในห้วงที่ผ่านมา แน่นอนย่อมมีการกล่าวในเชิงบวกแก่ฝ่ายตน เพื่อเป็นการปลุกเร้า สร้างขวัญ กำลังใจต่อมวลสมาชิกแนวร่วมให้เกิดความฮึกเหิม และมีความพยายามแย่งชิงมวลชนกลับคืนมาเป็นแนวร่วมฝ่ายตน มีการใช้สื่อทุกชนิดในการโฆษณาชวนเชื่อชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของขบวนการ และโยนผิดให้เจ้าหน้าที่รัฐ
เว็บไซต์ สื่อทางเลือก เครือข่ายสังคมออนไลน์ กลุ่มขบวนการได้เลือกใช้ได้อย่างลงตัวเหมาะเจาะกับเวลา และมีความสัมพันธ์กับกองกำลังที่ได้ลงมือก่อเหตุ มีการบิดเบือนความจริงอย่างหน้าไม่อายอย่างเช่นเว็บเพจ Patani jurnal ขาประจำในห้วงนี้และอีกหลายๆ เพจแนวร่วม ได้ทำการโพสต์ข้อความระบุว่า ภายหลังกลุ่ม ผกร.ปล้นอาวุธปืนจากค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 และได้อาวุธของศัตรูมาเป็นอาวุธของพวกเรา การต่อสู้แบบกล้าตายคือแนวทางของกลุ่มนักรบปาตานี ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันถึงการลุกขึ้นต่อสู้ และเรียกร้องสิทธิความเป็นเจ้าของชาวมลายูปาตานี ที่มีระยะเวลา 11 ปีแล้ว การต่อสู้ของประชาชนปาตานียังมีความเข้มแข็ง รวมทั้งความแข็งแกร่งของนักรบปาตานียังอยู่ในระดับดี ในทางกลับกันรัฐบาลไทยมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำหลายคน เพื่อพยายามขจัดนักรบปาตานี แต่ก็ไม่สามารถหยุดการก่อเหตุของนักรบปาตานีได้ และความแข็งแกร่งดังกล่าว ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเดินทางไปข้างหน้า เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกราชปาตานี..
ในความเป็นจริงเมื่อพิจารณาสถิติความสูญเสียในปี 2557 กลับพบว่ามีทิศทางลดลงจากปีก่อนๆอีกทั้งข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่า หมู่บ้านเสริมความมั่นคง ลดลงจาก 319 หมู่บ้าน เหลือ 136 หมู่บ้าน, หมู่บ้านเฝ้าระวัง ลดลงจาก 517 หมู่บ้าน เหลือ 234 หมู่บ้าน และหมู่บ้านเสริมสร้างการพัฒนา เพิ่มจาก 1,160 หมู่บ้าน เป็น 1,600 หมู่บ้าน จากจำนวนหมู่บ้านรวม 1,970 หมู่บ้าน
นอกจากนั้น ตลอด 11 ปีไฟใต้ ฝ่ายความมั่นคงยังได้พิสูจน์ทราบโครงสร้างกลุ่มก่อความไม่สงบ จากข้อมูลการซักถาม สอบสวนผู้ถูกจับกุม และการข่าวสรุปว่ามีผู้เกี่ยวข้องอยู่ในขบวนการราว 11,000 คน เป็นระดับอูลามา หรือผู้นำทางจิตวิญญาณ 315 คน แกนนำสั่งการ 208คน RKK หรือกลุ่มติดอาวุธขนาดเล็กที่ผ่านการฝึกรบแบบจรยุทธ์ จำนวน 2,314 คน แนวร่วม 6,075 คน และแกนนำอื่นอีก 1,123 คน
หากพิจารณายอดกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ลดลง เนื่องจากการปฏิบัติการติดตามจับกุมในห้วงที่ผ่านมามีความเข้มข้น หน่วยงานความมั่นคงได้จับกุมตัวผู้ที่ทำการก่อเหตุได้จำนวนมาก และมีบางส่วนที่โดนวิสามัญเนื่องจากการปะทะ อีกส่วนหนึ่งยังมีผู้ที่เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีอีกหลายพันคน
ขณะเดียวกันกลุ่ม ผกร. มีการก่อเหตุสร้างสถานการณ์สร้างแรงกระเพื่อมกดดันต่อเจ้าหน้าที่รัฐในทุกรูปแบบ มีการทำงานร่วมกันเป็นทีม มีการปฏิบัติการเป็นขั้นเป็นตอน แยกกันเดิน รุมเข้าตี หาจุดอ่อนในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐนำมาขยายผลบาดแผล โดยเฉพาะเครือข่ายแนวร่วมต่างๆ ที่เป็นเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม NGOs,PerMAS, สื่อแนวร่วม และนักวิชาการหลุดโลกทั้งหลาย
โดยเฉพาะนายฮารา ชินทาโร่ อาจารย์ภาควิชามลายู มอ.ปัตตานี ตั้งข้อสังเกตถึงการยึดอำนาจของรัฐบาลไทย ที่มีบุคคลสำคัญของไทยเห็นด้วยกับการยึดอำนาจ ทั้งที่เป็นการกระทำผิดหลักระบอบประชาธิปไตย และยังเชื่อมโยงถึงความจริงใจของรัฐบาลต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขกับกลุ่มผู้คิดต่าง พร้อมกับได้เรียกร้องให้ผู้คิดต่าง ระมัดระวังอย่ากระทำผิดขั้นตอนกระบวนการดังกล่าว เพราะความผิดพลาดจะทำให้ผู้คิดต่าง ถูกกล่าวหาว่า มีผลประโยชน์ร่วมกับรัฐบาลทหาร
นี่คือความปากดีของอาจารย์ญี่ปุ่นรายนี้ยังเดินหน้าวิพากษ์วิจารณ์ประเทศที่ตนเองซุกหัวนอน อุตส่าห์เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาอาศัยใบบุญผืนแผ่นดินไทย สุดท้ายกลับ“กินบนเรือนขี้รดหลังคา”เป็นกระบอกเสียงให้กับขบวนการอย่างหน้าไม่อาย พยายามยั่วยุชี้ให้เห็นการพูดคุยสันติสุขที่กำลังจะเกิดขึ้นว่าไม่มีความชอบธรรม และพยายามเสี้ยมกลุ่มที่คิดต่างจากรัฐไม่ให้หันมาพูดคุยกับรัฐบาลไทย
สงสัยเหลือเกินทำไมบุคคลเหล่านี้พยายามขัดขวางทุกวิถีทางในการหยุดยั้งไม่ให้มีการพูดคุย เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ มีอะไรอยู่เบื้องลึก เบื้องหลังหรือมีการวางแผนอะไรกันอยู่..แน่นอนเพราะบุคคลเหล่านี้ไม่อยากให้เกิดการพูดคุย หากมีการพูดคุยนั่นหมายความว่าสันติสุขย่อมเกิดขึ้นในวันข้างหน้าไม่ช้าก็เร็ว เมื่อเป็นเช่นนั้นไปขัดต่อเป้าหมายที่แท้จริงของบุคคลกลุ่มนี้ที่มีการปลุกระดมมาอย่างต่อเนื่องนั่นคือ“เอกราช”ซึ่งเป็นคำตอบสุดท้าย…และคำตอบเดียว
บอกตามตรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีกลุ่มที่คิดการใหญ่อีกหลายกลุ่มนอกเหนือจากขบวนการ BRN ที่รัฐบาลกำลังขับเคี่ยวอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ ต่างแย่งชิงในการเป็นผู้นำ ชิงความได้เปรียบอยู่ตลอดเวลา ใคร? เป็นใคร? ใคร? จะทำอะไร ขอให้ประชาชนปาตานีช่วยกันจับตาดู ช่วยกันสอดส่องพฤติกรรม และใคร? กันแน่ รัฐบาลหรือโจรใต้ฟาตอนีที่มีความจริงใจต่อพี่น้องประชาชนในยามทุกข์ ยามสุข พร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง ครั้งนี้จะเป็นสิ่งพิสูจน์ครั้งสำคัญในการจะนำพาสันติสุขกลับคืนมาสู่ปลายด้ามขวานแห่งนี้..เพื่อมอบให้กับลูกหลานปาตานี..มิใช่เพื่อใครอื่น..จุดปลายฝันคงไม่ไกลเกินเอื้อม
เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 11 ปี เหตุการณ์ปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสร้างโจรใต้ (วันเสียงปืนแตก) ในวันนั้นโจรใต้ได้ปล้นอาวุธปืนไป จำนวน 413 กระบอก
ตลอด 11 ปีไฟใต้ มีปืนที่ถูกโจรใต้ปล้นไปแล้วทั้งสิ้น 2,004 กระบอก ติดตามคืนได้ 751 กระบอก สำหรับอาวุธปืนที่ถูกปล้นไปล็อตใหญ่ มี 2ครั้ง ด้วยกันกล่าวคือ
- ครั้งแรก “ปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4” อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 จำนวน 413 กระบอก
- ครั้งที่สอง “ปล้นปืนกองร้อยทหารราบที่ 15121” (ร้อย ร.15121)หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 38 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อ 19ม.ค.2554 ปืนถูกปล้น 65 กระบอก
สถานการณ์ปัจจุบันนี้ยังมิอาจบอกได้ว่าความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะยุติลงเมื่อใด แต่ปี 2557 และกำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 11 ของความขัดแย้ง ณ ดินแดนปลายด้ามขวาน สถานการณ์ในพื้นที่ได้บ่งบอกเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นตามลำดับ ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลในการสานต่อพูดคุยสันติสุขในพื้นที่ จชต. กับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐเริ่มมีความชัดเจน โดยมีประเทศมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกเหมือนเดิม
ครบรอบ 11 ปีไฟใต้กลุ่มขบวนการที่ได้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์เย้ยกฎหมายรัฐบาลไทยได้ประเมินความได้เปรียบเสียเปรียบต่อการเคลื่อนไหวในห้วงที่ผ่านมา แน่นอนย่อมมีการกล่าวในเชิงบวกแก่ฝ่ายตน เพื่อเป็นการปลุกเร้า สร้างขวัญ กำลังใจต่อมวลสมาชิกแนวร่วมให้เกิดความฮึกเหิม และมีความพยายามแย่งชิงมวลชนกลับคืนมาเป็นแนวร่วมฝ่ายตน มีการใช้สื่อทุกชนิดในการโฆษณาชวนเชื่อชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของขบวนการ และโยนผิดให้เจ้าหน้าที่รัฐ
เว็บไซต์ สื่อทางเลือก เครือข่ายสังคมออนไลน์ กลุ่มขบวนการได้เลือกใช้ได้อย่างลงตัวเหมาะเจาะกับเวลา และมีความสัมพันธ์กับกองกำลังที่ได้ลงมือก่อเหตุ มีการบิดเบือนความจริงอย่างหน้าไม่อายอย่างเช่นเว็บเพจ Patani jurnal ขาประจำในห้วงนี้และอีกหลายๆ เพจแนวร่วม ได้ทำการโพสต์ข้อความระบุว่า ภายหลังกลุ่ม ผกร.ปล้นอาวุธปืนจากค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 และได้อาวุธของศัตรูมาเป็นอาวุธของพวกเรา การต่อสู้แบบกล้าตายคือแนวทางของกลุ่มนักรบปาตานี ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันถึงการลุกขึ้นต่อสู้ และเรียกร้องสิทธิความเป็นเจ้าของชาวมลายูปาตานี ที่มีระยะเวลา 11 ปีแล้ว การต่อสู้ของประชาชนปาตานียังมีความเข้มแข็ง รวมทั้งความแข็งแกร่งของนักรบปาตานียังอยู่ในระดับดี ในทางกลับกันรัฐบาลไทยมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำหลายคน เพื่อพยายามขจัดนักรบปาตานี แต่ก็ไม่สามารถหยุดการก่อเหตุของนักรบปาตานีได้ และความแข็งแกร่งดังกล่าว ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเดินทางไปข้างหน้า เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกราชปาตานี..
ในความเป็นจริงเมื่อพิจารณาสถิติความสูญเสียในปี 2557 กลับพบว่ามีทิศทางลดลงจากปีก่อนๆอีกทั้งข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่า หมู่บ้านเสริมความมั่นคง ลดลงจาก 319 หมู่บ้าน เหลือ 136 หมู่บ้าน, หมู่บ้านเฝ้าระวัง ลดลงจาก 517 หมู่บ้าน เหลือ 234 หมู่บ้าน และหมู่บ้านเสริมสร้างการพัฒนา เพิ่มจาก 1,160 หมู่บ้าน เป็น 1,600 หมู่บ้าน จากจำนวนหมู่บ้านรวม 1,970 หมู่บ้าน
นอกจากนั้น ตลอด 11 ปีไฟใต้ ฝ่ายความมั่นคงยังได้พิสูจน์ทราบโครงสร้างกลุ่มก่อความไม่สงบ จากข้อมูลการซักถาม สอบสวนผู้ถูกจับกุม และการข่าวสรุปว่ามีผู้เกี่ยวข้องอยู่ในขบวนการราว 11,000 คน เป็นระดับอูลามา หรือผู้นำทางจิตวิญญาณ 315 คน แกนนำสั่งการ 208คน RKK หรือกลุ่มติดอาวุธขนาดเล็กที่ผ่านการฝึกรบแบบจรยุทธ์ จำนวน 2,314 คน แนวร่วม 6,075 คน และแกนนำอื่นอีก 1,123 คน
หากพิจารณายอดกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ลดลง เนื่องจากการปฏิบัติการติดตามจับกุมในห้วงที่ผ่านมามีความเข้มข้น หน่วยงานความมั่นคงได้จับกุมตัวผู้ที่ทำการก่อเหตุได้จำนวนมาก และมีบางส่วนที่โดนวิสามัญเนื่องจากการปะทะ อีกส่วนหนึ่งยังมีผู้ที่เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีอีกหลายพันคน
ขณะเดียวกันกลุ่ม ผกร. มีการก่อเหตุสร้างสถานการณ์สร้างแรงกระเพื่อมกดดันต่อเจ้าหน้าที่รัฐในทุกรูปแบบ มีการทำงานร่วมกันเป็นทีม มีการปฏิบัติการเป็นขั้นเป็นตอน แยกกันเดิน รุมเข้าตี หาจุดอ่อนในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐนำมาขยายผลบาดแผล โดยเฉพาะเครือข่ายแนวร่วมต่างๆ ที่เป็นเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม NGOs,PerMAS, สื่อแนวร่วม และนักวิชาการหลุดโลกทั้งหลาย
โดยเฉพาะนายฮารา ชินทาโร่ อาจารย์ภาควิชามลายู มอ.ปัตตานี ตั้งข้อสังเกตถึงการยึดอำนาจของรัฐบาลไทย ที่มีบุคคลสำคัญของไทยเห็นด้วยกับการยึดอำนาจ ทั้งที่เป็นการกระทำผิดหลักระบอบประชาธิปไตย และยังเชื่อมโยงถึงความจริงใจของรัฐบาลต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขกับกลุ่มผู้คิดต่าง พร้อมกับได้เรียกร้องให้ผู้คิดต่าง ระมัดระวังอย่ากระทำผิดขั้นตอนกระบวนการดังกล่าว เพราะความผิดพลาดจะทำให้ผู้คิดต่าง ถูกกล่าวหาว่า มีผลประโยชน์ร่วมกับรัฐบาลทหาร
นี่คือความปากดีของอาจารย์ญี่ปุ่นรายนี้ยังเดินหน้าวิพากษ์วิจารณ์ประเทศที่ตนเองซุกหัวนอน อุตส่าห์เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาอาศัยใบบุญผืนแผ่นดินไทย สุดท้ายกลับ“กินบนเรือนขี้รดหลังคา”เป็นกระบอกเสียงให้กับขบวนการอย่างหน้าไม่อาย พยายามยั่วยุชี้ให้เห็นการพูดคุยสันติสุขที่กำลังจะเกิดขึ้นว่าไม่มีความชอบธรรม และพยายามเสี้ยมกลุ่มที่คิดต่างจากรัฐไม่ให้หันมาพูดคุยกับรัฐบาลไทย
สงสัยเหลือเกินทำไมบุคคลเหล่านี้พยายามขัดขวางทุกวิถีทางในการหยุดยั้งไม่ให้มีการพูดคุย เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ มีอะไรอยู่เบื้องลึก เบื้องหลังหรือมีการวางแผนอะไรกันอยู่..แน่นอนเพราะบุคคลเหล่านี้ไม่อยากให้เกิดการพูดคุย หากมีการพูดคุยนั่นหมายความว่าสันติสุขย่อมเกิดขึ้นในวันข้างหน้าไม่ช้าก็เร็ว เมื่อเป็นเช่นนั้นไปขัดต่อเป้าหมายที่แท้จริงของบุคคลกลุ่มนี้ที่มีการปลุกระดมมาอย่างต่อเนื่องนั่นคือ“เอกราช”ซึ่งเป็นคำตอบสุดท้าย…และคำตอบเดียว
บอกตามตรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีกลุ่มที่คิดการใหญ่อีกหลายกลุ่มนอกเหนือจากขบวนการ BRN ที่รัฐบาลกำลังขับเคี่ยวอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ ต่างแย่งชิงในการเป็นผู้นำ ชิงความได้เปรียบอยู่ตลอดเวลา ใคร? เป็นใคร? ใคร? จะทำอะไร ขอให้ประชาชนปาตานีช่วยกันจับตาดู ช่วยกันสอดส่องพฤติกรรม และใคร? กันแน่ รัฐบาลหรือโจรใต้ฟาตอนีที่มีความจริงใจต่อพี่น้องประชาชนในยามทุกข์ ยามสุข พร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง ครั้งนี้จะเป็นสิ่งพิสูจน์ครั้งสำคัญในการจะนำพาสันติสุขกลับคืนมาสู่ปลายด้ามขวานแห่งนี้..เพื่อมอบให้กับลูกหลานปาตานี..มิใช่เพื่อใครอื่น..จุดปลายฝันคงไม่ไกลเกินเอื้อม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น