วันศุกร์ที่ 9 ม.ค.58 เป็นอีกวันหนึ่งที่ต้องบันทึกไว้ว่ายังคงเกิดการใช้ความรุนแรงกันภายในโรงเรียนปอเนาะที่ จ.ปัตตานี ณ ปีที่ 11 ของไฟใต้รอบใหม่ ทั้งๆ ที่สถานศึกษาไม่ว่าระดับใด เล็กใหญ่แค่ไหน ไม่ควรถูกใช้เป็นสมรภูมิ ไม่ว่าของฝ่ายใดก็ตาม
การเปิดฉากปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกับกลุ่มติดอาวุธต้องสงสัยว่าเป็นขบวนการก่อความไม่สงบดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นในพื้นที่ของโรงเรียนยุวอิสลามวิทยา บ้านน้ำใส ต.ลุโบะยิไร อ.มายอ จ.ปัตตานี ผลก็คือฝ่ายผู้ต้องสงสัยถูกวิสามัญฆาตกรรม 3 ราย และถูกควบคุมตัวได้อีก 3 ราย
สิ่งที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อทั่วไป มีเพียงความสูญเสียของกลุ่มผู้ต้องสงสัย (3 ศพ) ซึ่งภายหลังถูกระบุจากเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงคนสำคัญ พร้อมยึดอาวุธสงครามได้อีกจำนวนหนึ่ง แต่สิ่งที่ยังไม่ได้บันทึกไว้ผ่านสื่อก็คือ ความรู้สึกของชาวบ้าน ญาติของผู้เสียชีวิต และนักเรียนปอเนาะ หลังจากเกิดเหตุปะทะยึดเยื้อยาวนานหลายชั่วโมง
ย้อนเหตุปะทะเดือด
เหตุรุนแรงครั้งนี้เริ่มมาจากปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ตั้งแต่เวลา 03.00 น.ของวันศุกร์ที่ 9 ม.ค. หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 สนธิกำลังกับตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายโรงเรียนยุวอิสลามวิทยา บริเวณบ้านของบาบอ (ครูใหญ่ - เจ้าของโรงเรียน) เลขที่ 17/1 หมู่ 5 ต.ลุโบะยิไร หลังสืบทราบว่ามีผู้ต้องสงสัยพร้อมอาวุธหลบซ่อนตัวอยู่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ประสานผู้นำท้องที่ให้เรียกบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกมา พร้อมกับเกลี้ยกล่อมให้กลุ่มผู้ต้องสงสัยมอบตัว การดำเนินการกินเวลาหลายชั่วโมง กระทั่งเวลาประมาณ 08.00 น. คนร้ายได้เปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่จนเกิดการยิงปะทะกันอีกหลายชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงสามารถควบคุมสถานการณ์เอาได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บรรยากาศตลอดทั้งวันบริเวณด้านหน้าโรงเรียนปอเนาะยุวอิสลามวิทยา หรือปอเนาะนาซา มีชาวบ้านชายหญิง รวมทั้งเด็กและคนแก่ไปล้อมดูเหตุการณ์ระทึกอย่างใกล้ชิด
1 ใน 3 เสียชีวิต มีส่วนในคดีลอบยิงทหาร 4 นาย ที อ.มายอ
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ปลอดภัย ส่วนกลุ่มผู้ต้องสงสัยเสียชีวิต 3 ราย คือ
- 1.นายมะรูดิน ตาเฮ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115/1 หมู่ 2 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคง มีหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) จำนวน 7 หมาย จากแฟ้มประวัติของฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า เขาคือหนึ่งในคนร้ายที่อยู่บนรถกระบะ แล้วใช้อาวุธปืนสงครามระดมยิงทหารชุดลาดตระเวนเสียชีวิต 4 นาย ขณะขี่รถจักรยานยนต์ลาดตระเวนพื้นที่ เมื่อ 28 ก.ค.2555 ในท้องที่ อ.มายอ ซึ่งคดีนี้ศาลเพิ่งพิพากษาประหารชีวิตจำเลยชุดแรก 5 คน เมื่อปลายเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว
- 2.นายปาตะ ลาเต๊ะ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/3 หมู่ 2 ต.บ้านน้ำบ่อ อ.ปะนาเระ เป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงเช่นกัน มีหมายจับ ป.วิอาญา 3 หมาย
- 3.นายมาหะมะซาบรี ดอเล๊าะ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/9 หมู่ 5 ต.ลุโบะยิไร อ.มายอ ตามแฟ้มประวัติของฝ่ายความมั่นคง เขาเคยถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 8 ก.ค.54 แต่ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ จึงได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ กระทั่งมาถูกวิสามัญฯจนเสียชีวิต
- 1.นายอัดนันท์ ยูโซะ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 3 ต.มายอ อ.มายอ จ.ปัตตานี
- 2.นายอาฟีซี อาแว อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 5 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส
- 3.นายบัดรูดีน เจ๊ะแว อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/14 หมู่ 5 ต.ลุโบะยิไร อ.มายอ เป็นลูกชายของบาบอโรงเรียนปอเนาะ
ของกลางที่ตรวจยึดได้ เป็นอาวุธปืนสงครามอาก้า 1 กระบอก อาวุธปืนยาวเอ็ม 4 อีก 1 กระบอก ปืนพกสั้นขนาด .38 ขนาด .40 และปืนกล็อก 9 มม.อีกอย่างละ 1 กระบอก พร้อมรถจักรยานยนต์ 3 คันส่วนใหญ่เป็นรถที่ถูกโจรกรรม และเอกสารอีกจำนวนหนึ่ง
สำหรับที่มาของอาวุธปืนที่ยึดได้ ชุดนิติวิทยาศาสตร์รายงานว่า ปืนอาก้า เป็นของ นายมูฮำหมัดนาเซ ดอเลาะ อาสารักษาดินแดน (อส.) อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ถูกปล้นชิงไปเมื่อวันที่ 25 พ.ค.55 ขณะที่ปืนยาวเอ็ม 4 เป็นของ ด.ต.มะสุดิน มีสา ตำรวจชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อน ถูกยิงเสียชีวิตและถูกชิงปืนไปเมื่อวันที่ 11 ก.ย.56 ส่วนปืนกล็อกเป็นของ พ.ต.ต.สันติชัย ศาสตร์ประดิษฐ์ ตำรวจชุดปราบน้ำมันเถื่อนเช่นกัน ถูกยิงเสียชีวิตและถูกชิงปืนในวันเดียวกัน คือ 11 ก.ย.56 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ตำรวจถูกสังหารหมู่ 5 ศพคารถกระบะขณะออกปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
ผู้ใหญ่บ้านไม่ติดใจ เผยเจ้าหน้าที่เกลี้ยกล่อมเต็มที่แล้ว
ด้านความเห็นของผู้นำท้องถิ่นและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ นายรุสดี มามะ ผู้ใหญ่บ้านน้ำใส ต.ลูโบะยิไร เล่าว่า ตั้งแต่เวลา ตี 2 - ตี 3 เจ้าหน้าที่แจ้งว่าขอเข้าตรวจค้นปอเนาะ เพราะเชื่อว่ามีบุคคลเป้าหมายหลบซ่อนตัวอยู่ จึงได้คุยกับคนที่อยู่ในบ้าน (ปอเนาะ แปลว่ากระท่อม โรงเรียนปอเนาะจะมีกระท่อมสำหรับพักอยู่ในโรงเรียน ลักษณะคล้ายบ้านหลังเล็ก ๆ) พร้อมขอให้คนข้างในบ้านที่ไม่เกี่ยวข้องออกมา ทั้ง นายบัดรูดีน เจ๊ะแว ลูกชายบาบอ (อาจารย์เจ้าของปอเนาะ) ภรรยาของบัดรูดีน น้องเขย และนักเรียนปอเนาะ 1 คน รวมทั้งหมด 4 คน
จากนั้นจึงเรียกคนที่อยู่ด้านในให้ออกมา ซึ่งเป็นบุคคลเป้าหมาย เจ้าหน้าที่พยายามคุยจนถึงเช้า คนร้ายก็ขว้างระเบิดออกมา 2 ลูก โชคดีระเบิดไม่ทำงาน แล้วก็เกิดการยิงปะทะกันไปมา นานเหมือนกัน พอเสียงข้างในหยุด ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็หยุด เราก็เรียกให้ออกมากันอีก ก็ไม่มีเสียงอะไรตอบออกมา นอกจากยิงออกมา แล้วก็ปะทะอีก เป็นอย่างนี้จนเช้า
ต่อมาบัดรูดีนบอกว่า ด้านในมี นาย มาหะมะ ซาบรี ดอเล๊าะ ด้วย จึงไปเรียกให้พี่ชายของ นาย มาหะมะ ซาบรี มาเรียกน้องให้ออกมา แต่ก็ไม่เป็นผล
เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจใช้แก๊สน้ำตา จึงทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง พอเข้าไปตรวจสอบก็พบมีผู้เสียชีวิต 3 ราย
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เขาและชาวบ้านไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามเต็มที่ที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสีย แต่ฝ่ายคนร้ายไม่ยอม จึงต้องเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกัน สำหรับชาวบ้านก็จะพยายามสร้างความเข้าใจ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
บาบอยันลูกชายไม่เกี่ยว-เหมือนเป็นตัวประกัน
บาบอ (ขอสงวนนาม) เจ้าของโรงเรียนปอเนาะ เล่าว่า ทหารโทรมาตอนตี 4 เข้าใจว่าจะมากินน้ำชาเหมือนปกติที่ผ่าน ๆ มา ไม่ได้คิดอะไรมาก พอมาถึงก็เห็นว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น จึงบอกเจ้าหน้าที่ว่าเป็นบ้านของตนเอง ขอให้ใจเย็น ๆ อย่ารีบร้อน เจ้าหน้าที่ก็ทำตาม
"ผมเรียกลูกชายออกมาพร้อมกับภรรยา รวมทั้งน้องเขย และนักเรียนปอเนาะอีก 1 คน จากนั้นรอจนเช้า สถานการณ์ก็ยังตึงเครียด ก็เลยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานตามขั้นตอน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ยิงแก๊สน้ำตาเข้าไป และปะทะกันหลายระลอก ทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น พบว่าเป็นเด็กในพื้นที่ 1 ราย คือ นายมาหะมะซาบรี แต่เขาไม่ได้เป็นลูกศิษย์ที่นี่ เขาเป็นเพื่อนกับลูกชาย ลูกชายก็บอกว่า นาย มาหะมะ ซาบรี เป็นเพื่อน ส่วนที่เหลือไม่รู้จัก"
"เหตุการณ์เมื่อคืนเหมือนลูกชายผมตกเป็นตัวประกัน ไม่ใช่คนร้าย การตกเป็นตัวประกันในที่นี้หมายถึงเป็นแค่เจ้าของบ้าน ไม่เกี่ยวกับพวกเขา" และปกติลูกชายจะโทรไปหาทุกครั้งถ้ามีคนแปลกหน้าหรือสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้น แต่เมื่อคืนเขาโทรไม่ได้ เพราะเขาถูกขู่ ตรงนี้ที่ผมคิดว่าเขาตกเป็นตัวประกัน ไม่ใช่ร่วมกันกับเขา ซึ่งถ้าในเวลานั้นพวกนี้จะทำร้ายก็ได้ และเขาก็ออกมาเอง ไม่ได้มีการจับหรือมอบตัวเลย เขาแค่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น" เดินหน้าเปิดการเรียนการสอนตามปกติ
บาบอ กล่าวอึกว่า ก่อนหน้านี้ก็ได้คุยกับนายอำเภอมายอว่า ช่วงนี้คนร้ายมีแผนที่จะก่อเหตุในพื้นที่ ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ที่บ้านของตัวเอง แต่เมื่อเกิดขึ้น ก็จะไม่โทษใคร และเข้าใจ ไม่ติดใจอะไร เพราะเจ้าหน้าที่ทำเต็มที่แล้ว
"หลังจากนี้ก็คิดว่าโรงเรียนจะเปิดเรียนตามปกติ ไม่มีการปิดเรียน เพราะเหตุที่เกิดขึ้นรู้สึกแค่ว่าเรามีรถอยู่ 1 คัน แล้วเขามาชนรถเรา ก็ไม่ได้ทำให้เราต้องหยุดเดินต่อไป งานเมาลิดที่จะจัดวันที่ 19 ม.ค.ก็คิดว่าจะจัดเป็นปกติ ไม่ได้ยกเลิก กิจกรรมอะไรที่มีการวางแผนแล้วก็จะดำเนินการต่อไป เรื่องที่ควรดำเนินการคือการช่วยเหลือเยียวยาว่าจะทำอย่างไร บ้านที่เสียหาย นักเรียน อุสตาซ (ครู) ถ้าไม่ตกใจก็สามารถกลับมามีความสุขแบบเก่าได้ ตรงนี้เจ้าหน้าที่ต้องมาคิดให้ว่าจะทำอยางไร" บาบอ กล่าว
ด.ช.อัสวัน สาและ อายุ 11 ปี เด็กในชุมชน กล่าวว่า เมื่อคืนแถวนี้มีแต่เสียงปืนดังมาก คิดว่าข้างในต้องเละแน่ๆ เพราะเสียงปืนดังนาน แต่ไม่กลัว ตอนเช้าก็ชวนเพื่อนๆ มาดูกัน แต่ทหารไม่ให้เข้าไปข้างใน
ป้าคนตายงงหลานอยู่ในกลุ่มปะทะ จนท.
หญิงวัย 50 ปี (ขอสงวนนาม) ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของ นายมาหะมะซาบรี กล่าวว่า นางทำงานอยู่ฝั่งมาเลเซีย เพิ่งกลับบ้านได้ 2 วัน ไม่ได้เจอกับซาบรี (มาหะมะซาบรี) มาหลายปีแล้ว เมื่อชาวบ้านบอกว่าซาบรีอยู่ในเหตุปะทะด้วยก็ตกใจ รีบมา แต่ก็ทราบจากเจ้าหน้าที่ว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ไม่คิดเลยว่าซาบรีจะเกี่ยวข้องเรื่องแบบนี้
"ซาบรีเรียนจบที่โรงเรียนปอเนาะที่เกิดเหตุ ต่อมาเขาได้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนเทคนิคใน อ.เมืองยะลา เรียนเป็นช่างซ่อมเครื่องรถจักรยายนต์ ก่อนมาเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์กับภรรยาของเขา มีลูกด้วยกัน 2 คน แม่ของซาบรีบอกว่า เมื่อคืนซาบรีไปประชุมที่ปอเนาะ เพราะวันที่ 19 ม.ค. ที่ปอเนาะจะมีการจัดกิจกรรมเมาลิด ป้ารู้แค่นี้"
ตำรวจยืนยัน พยายามเต็มแล้วที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสีย
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่มายอ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่า กลุ่มคนกลุ่มนี้ได้เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่เพื่อจะก่อเหตุรุนแรงบนถนนสาย มายอ-ทุ่งยางแดง จึงนำกำลังผสมเข้าปิดล้อมพื้นที่เป้าหมาย ก็ได้เรียกทุกฝ่ายออกมา กระทั่งใช้แก๊สน้ำตายิงเข้าไป แต่ก็ยังเกิดการยิงปะทะกันอีกหลายรอบ จนบ่ายสองกว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าเคลียร์พื้นที่ได้
"เราพยายามเต็มที่แล้วที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสีย แต่เขาไม่ยอมเลยต้องจบแบบนี้ เจรจาแล้ว เรียกญาติมาคุยก็แล้ว ผู้นำก็มา ก็ไม่ยอมอีกจนต้องใช้แก๊สน้ำตาเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียมากกว่านั้น สุดท้ายก็มีการยิงปะทะกัน ทำให้เขาเสียชีวิต"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น