วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

กอ.รมน.แฉ 5 เว็บหนุนโจรใต้ !!

กอ.รมน.แฉ 5 เว็บหนุนโจรใต้ !!

กอ.รมน.แฉ 5 เว็บหนุนโจรใต้ !!

           "กอ.รมน." โชว์ผลงานดับไฟใต้ช่วงไตรมาส 3 โวรวบแนวร่วมฯกว่า 100 คน ปะทะโจรดับ 12 ราย สกัดบึ้ม 24 ครั้ง ยึดอาวุธเพียบ แฉมี 5 เว็บไซต์หนุนป่วน ซัดโจรใต้ไร้อุดมการณ์แสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง "สมช."เตือนอย่าฟัง "ตอยิบ" จ้อผ่านเว็บหวั่นกดดันทีมพูดคุย เชื่อแค่แผนโยนหินถามทางเผยขั้นตอนอยู่ระหว่างศึกษาผลกระทบ 5 ข้อเสนอ เล็งถกสันติภาพรอบ 4 กลาง ต.ค.นี้ อ้าง"บีอาร์เอ็น" รับปากจะควานหากลุ่มก่อเหตุให้ "มทภ.4" รดน้ำศพ 3 ทหารกล้า ห่วงความปลอดภัย ปชช.สั่ง จนท.คุมเข้ม จชต. "ปชป." ตอกรบ. หงอยอมให้บีอาร์เอ็นเอาเปรียบ"สตช." ไม่ฟันธง 5 มือปราบน้ำมันเถื่อนถูกยิงดับข่าวรั่วหรือเกลือเป็นหนอน

         ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา09.30 น.วันที่ 13 ก.ย.56 พล.ต.สุรชาติ  จิตต์แจ้ง หัวหน้าประชาสัมพันธ์ส่วนประชาสัมพันธ์และสารสนเทศ สำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า สถานการณ์ในรอบสัปดาห์มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้ง จนทำให้เกิดความสูญเสียและกระทบต่อขวัญ และกำลังใจของประชาชนทุกคน จึงอยากให้ช่วยกันประณามการกระทำของคนกลุ่มนี้ที่ไร้มนุษยธรรม ซึ่งคนกลุ่มนี้มักจะอ้างว่ามีอุดมการณ์ และทำเพื่อคน ไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม แต่แท้ที่จริงแล้วเปรียบเสมือนโจรที่อ้างอุดมการณ์ ทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง


            พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่าสำหรับการปฏิบัติต่อผู้ก่อเหตุรุนแรงของกอ.รมน.ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2556 สรุปได้ดังนี้
  • 1.สามารถควบคุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ 104 คน 
  • 2.ผู้ต้องสงสัยและผู้ต้องหาเข้ารายงานตัวแสดงความบริสุทธิ์ 32 คน 
  • 3.ตรวจยึดยุทโธปกรณ์ของผู้ก่อเหตุรุนแรง 144 รายการ 
  • 4.มีการปะทะกับผู้ก่อเหตุรุนแรง 9 เหตุการณ์ทำให้สมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 12 คน 
  • 5.สามารถทำลายความพยายามในการก่อเหตุของผู้ก่อเหตุรุนแรง 24 ครั้งโดยตรวจยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบระเบิดและตรวจพบหลุมที่ขุดเตรียมไว้สำหรับลอบวางระเบิด 
  • 6.พิสูจน์ทราบพื้นที่การฝึกของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ 2 แห่งคือ พื้นที่บ้านบูเกะลาดอ ต.บาเระเหนืออ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และบ้านบูกิ๊ตยือแรต.รือเสาะ จ.นราธิวาส 
  • 7.พิสูจน์ทราบแหล่งบ่มเพาะซ่องสุม รวมทั้งแผ่นปลิวของผู้ก่อเหตุรุนแรง 23 ครั้งรวม 242 ผืน 
  • 8.จับกุมคดีเกี่ยวกับปัญหาภัยแทรกซ้อนได้ 73 คดีแยกเป็นยาเสพติด 62 คดีน้ำมัน เถื่อน 7 คดี สินค้าหนีภาษี 2 คดี แรงงานต่างด้าว 1 คดี และคดีตัดไม้ทำลายป่า 1 คดี 
  • 9.ติดตามเฝ้าระวังเว็บไซต์ที่เป็นเครือข่ายแนวร่วมที่เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง 5 เว็บไซต์


        ขณะที่ พ.อ.จรูญ อำภา ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลังจากที่ผู้อำนวยความสะดวกประเทศมาเลเซียได้ส่งรายละเอียด 5 ข้อเสนอของบีอาร์เอ็น จำนวน30 หน้า มาให้ทางการไทยว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นดำเนินการแปลเอกสารเป็นไทย รวมถึงการส่งเอกสารเหล่านี้ให้ทุกภาคส่วนประกอบด้วย นักวิชาการ และผู้รับผิดชอบโดยตรงใน 4 ส่วน 7 กลุ่มงาน รวมถึงการไปศึกษาเรื่องกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการ เพื่อให้เกิดความรัดกุมรอบคอบไม่ให้เรามีข้อเสียเปรียบ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ ของแต่ละกลุ่มงาน เพื่อจะได้ชี้แจงต่อในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อน นโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ในครั้งต่อไป

          "ตัวแทนไทยทั้ง 15 คน ได้ตระหนักถึงหน้าที่บทบาท ก่อนจะไปพูดคุยทุกครั้งว่า จะต้องมีการหารือจนตกผลึกก่อนทั้งนี้ขอความร่วมมือกับสื่อมวลชน ให้รับฟังในสิ่งที่เป็นทางการผ่านผู้อำนวยความสะดวก อย่าทำให้สถานการณ์ตึงเครียดโดยนำสิ่งที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย มากดดันพวกเดียวกันซึ่งไม่ใช่เรื่องดี สำหรับการพูดคุยกับบีอาร์เอ็น ในครั้งต่อไป หากทั้งผู้ประสานงาน มาเลเซีย ไทย และบีอาร์เอ็น มีความพร้อม คาดว่าจะเป็นสัปดาห์ที่ 2-3 ของเดือน ต.ค. แต่หากเรายังหารือเรื่องรายละเอียด 30 หน้าของบีอาร์เอ็น ไม่ตกผลึก ก็ยังไม่มีการนัดหมาย ส่วนกรณีที่กลุ่มบีอาร์เอ็นพยายามใช้ช่องทางโซเชียล มีเดีย ในการนำเสนอข้อมูลนั้น ถือเป็นวิธีการ และกลวิธีที่จะทำให้ข้อมูลเหล่านั้นมาถึงเรา เหมือนกับการโยนหินถามทางเพื่อดูปฏิกิริยาของฝ่ายไทย ดังนั้นสื่อมวลชนอย่าไปกระพือข่าว และตกเป็นเครื่องมือเขา"


         ที่ปรึกษา สมช. กล่าวต่อว่า ส่วนการลดความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอนแต่กลับยังมีความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางไทยได้สอบถามไปยังกลุ่มบีอาร์เอ็นว่า เป็นฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งทางบีอาร์เอ็นปฏิเสธว่า ไม่ใช่กลุ่มตน และรับปากว่า จะช่วยหากลุ่มก่อเหตุดังกล่าวให้ แต่ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แจ้งมา และในการพูดคุยในครั้งที่ 4 ก็จะมีการสอบถามอีกครั้ง


        ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษก ปชป. กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลทำเหมือน 3 จังหวัดชายแดนภายใต้ไม่ใช่ประเทศไทย แต่ตัดออกไปให้เป็นเขตปกครองพิเศษ และให้ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสมช. เป็นผู้บริหารราชการแผ่นดิน ที่ผ่านมาเกิดความสูญเสียแต่นายกรัฐมนตรีทำนิ่งเฉยและไม่ตกใจ


       "ที่เจ็บปวดที่สุด คือนายฮัสซัน ตอยิบ แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น แถลงว่าประเทศไทยได้รับข้อเสนอทั้ง 4 ข้อยกเว้นเพียงข้อเดียว คือ รัฐไทยต้องยอมรับว่าชาวมลายูมีสิทธิเหนือดินแดนรัฐปัตตานี ตนถามต่อว่าวันนี้ใครเป็นเจ้าของประเทศขณะนี้รัฐบาล"


         ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายกราดยิงตำรวจชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อนเสียชีวิต 5 นาย ที่ จ.ปัตตานี ล่าสุด พ.ต.อ.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ว่า ได้มีการตรวจสอบปลอกกระสุนและวิถีกระสุนว่ามีความเชื่อมโยงกับภัยแทรกซ้อนอื่นหรือไม่ทั้งนี้ ยังไม่ได้รับรายงานว่า เหตุที่เจ้าหน้าที่ถูกยิงขณะเดินทาง เป็นเพราะข่าวรั่วหรือเกลือเป็นหนอน


         ที่ศาลาวัดสุวรรณากร อ.หนองจิกจ.ปัตตานี พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 (มทภ.4) เป็นประธานพิธีรดน้ำศพ ส.ท.ชุติมัน การฟุ้ง อายุ 32 ปีอส.ทพ.รินทร์ดา แก้วหอม อายุ 29 ปีและ อส.ทพ.ฉัตรชัย จิตหนักแน่น อายุ23 ปี ทหารพรานร้อย ทพ.3308 ที่ถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะช่วยก่อสร้างห้องน้ำให้กับมัสยิด ในพื้นที่บ้านกอตอระนอ โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีข้าราชการ ทหาร ตำรวจพลเรือน ไปร่วมแสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก และหลังจากนี้ก็จะลำเลียงศพทหารทั้ง 3 นาย ขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากจังหวัดปัตตานี ไปที่กองบิน 56 จังหวัดสงขลา เพื่อขึ้นเครื่องบิน C130 ส่งไปบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนาต่อไป


        พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.)กล่าวว่า แม่ทัพภาคที่ 4 มีความเป็นห่วงในความปลอดภัยของประชาชน และได้มีคำสั่งกำชับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้เร่งสร้างความเชื่อมั่น และลดเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสาเหตุมาจากคนร้ายต้องการตอบโต้เจ้าหน้าที่ที่ได้มีการจำกัดความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วม และได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ในการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง


ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม