ผลประโยชน์จาก “น้ำมันเถื่อน” คือเงินที่ใช้ในการ “เล่น” การเมืองและสร้างอิทธิพลทางการเมือง
ส่วนพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หน่วยงานความมั่นคงของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า รายงานมาโดยตลอดว่า มีการลักลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อนจาก อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง จ.นราธิวาส จำนวนมาก โดยเฉพาะที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาสนั้นมีรถบรรทุก 10-18 ล้อจาก จ.เพชรบุรีและพื้นที่อื่นๆ มารับน้ำมันเถื่อนวันละ 10 กว่าเที่ยว ส่วนที่ อ.สุไหงโก-ลกและ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ส่วนใหญ่ส่งจำหน่ายในพื้นที่ 3 จังหวัด
และ ที่น่าตกใจคือ ขบวนการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนทั้งหมดโยงใยกับ “แนวร่วม” ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสนับสนุนทางการเงินเพื่อใช้ในการ “ก่อวินาศกรรม” และก่อความไม่สงบทุกรูปแบบ ซึ่งสภาพของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ วันนี้ไม่ได้แตกต่างกับพื้นที่ จ.สงขลา เพราะน้ำมันเถื่อนกลายเป็น “สินค้า” ที่วางขายในร้านชำ และปั๊มเถื่อนก็ยึดพื้นที่ริมถนนทั้งในเมืองและชนบทไปหมดแล้ว
ธุรกิจเถื่อนเหล่านี้ไม่ต้องเสียภาษีให้รัฐ ไม่ต้องจ่ายค่าใบอนุญาต แต่สร้างความสูญเสียด้านภาษีเงินได้อย่างมหาศาล และที่สำคัญคือ มีส่วนสนับสนุนขบวนการ “แบ่งแยกดินแดน” ให้เติบโตและทำร้ายประเทศชาติ
ทลายเครือข่ายน้ำมันเถื่อน ลูกน้อง ถาวร เสนเนียม
ตัวการใส่เสื้อรายการดัง สายล่อฟ้า
อะไรเกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ “กลไก” ของรัฐที่มีหน้าที่โดยตรงในการปราบปรามน้ำมันเถื่อน ตั้งแต่ตำรวจ ศุลกากร สรรพสามิต และชุดปราบน้ำมันเถื่อน ทั้งจากส่วนกลางและในพื้นที่ “วางเฉย” กับขบวนการทำลายชาติ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดก่อนๆ
มีเพียงเหตุผล 2 ประการที่ทำให้ “กลไก” ของรัฐไม่ทำหน้าที่คือ 1.ผลประโยชน์จากการค้าน้ำมันเถื่อนจำนวนมากถูก “แจกจ่าย” ให้กับส่วน “หัว” ของหน่วยงานของรัฐ จนไม่มีหน่วยไหนกล้าที่จะจับกุม เพราะ ไม่กล้าที่จะทุบ “หม้อข้าว” ของ “นาย” และของ “ตนเอง” และ 2.เกิดจากอิทธิพลทางการเมืองของ “นักการเมือง” ที่อยู่เบื้องหลังเป็นผู้ “บงการ” ให้อำนาจรัฐ “บิดเบี้ยว” ไม่สามารถที่จะรักษาความเป็น “นิติรัฐ” เอาไว้ได้ จึงไม่เหลือ “นิติธรรม” เอาไว้ได้
เพราะหากไม่ใช่ 2 อย่างนี้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ “หน่วยงานของรัฐ” ทั้งหมดจะไม่กล้าแตะต้องขบวนการผิดกฎหมายเหล่านี้
ล่าสุดมีผู้ร้องไปยัง “ถาวร เสนเนียม” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีบ้านพักที่ จ.สงขลา และมีหน้าที่กำกับดูแลจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อแก้ปัญหาการค้าน้ำมันเถื่อนที่เกิดขึ้น โดย “ถาวร เสนเนียม” ได้ระบุว่า ได้สั่งการให้ “ผอ.ศุลกากรภูมิภาคที่ 4” ปราบปราม จับกุมให้จริงจัง แต่ผ่านมานับเดือนจนถึง ณ วันนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนกล้า “แตะ” กลุ่มผลประโยชน์กลุ่มนี้แต่อย่างใด
แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ถ้าไม่มีรายการ “ปาหี่” ต้องมีผู้ที่มี “อำนาจ” มากกว่า “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย” อยู่เบื้องหลังขบวนการเหล่านี้ “เจ้าหน้าที่รัฐ” จึงไม่มีหน่วยงานไหน “เชื่อฟัง” คำสั่งของ “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย” แต่อย่างใด
และใครคือ “ไอ้โม่ง” คนนั้น และปัญหาขบวนการน้ำมันเถื่อนบ่อนทำลายชาติที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะให้ใครเป็นคนแก้ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น