วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

นี่งัยแบ่งแยกดินแดน


แกนนำมุสลิมเดินหน้าจี้รัฐผุดเขตปกครองพิเศษชายแดนใต้

ประชาไท - 11 ก.ค. 50 แกนนำภาคประชาชาชนชายแดนใต้ ผลักดันเขตวัฒนธรรมพิเศษต่อ ประกาศถ้าร่างรัฐธรรมนูญใหม่ผ่านประชามติ จะเจาะช่องการปกครองส่วนท้องถิ่น ผุดเขตปกครองพิเศษ ผู้ว่าฯ สงขลา หนุนเผยแพร่คำวินิจฉัยเลขาธิการโลกมุสลิมสู้ภัยไฟใต้



นายวุสนุง มัดดา ภาคประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในฐานะผู้ร่วมผลักดันให้ระบุเขตวัฒนธรรมพิเศษในร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 กล่าวว่า แนวคิดของรัฐบาลที่ต้องการให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการปกครองในรูปแบบพิเศษ โดยสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นที่ เป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถผลักดันให้กำหนดเป็นเขตวัฒนธรรมพิเศษ โดยมุ่งเน้นการใช้ศีลธรรมทางศาสนาเป็นหลักในการปกครองพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้



นายวุสนุง กล่าวว่า ถึงแม้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ได้ระบุเรื่องเขตวัฒนธรรมพิเศษ แต่ในหมวดว่าด้วยการปกครองท้องถิ่น ก็ไม่ได้ปิดกั้นช่องทางให้กำหนดพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเขตวัฒนธรรมพิเศษแต่อย่างใด ซึ่งต้องรอดูท่าทีที่ชัดเจนของรัฐบาลอีกครั้ง รวมทั้งต้องรอดูว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะผ่านความเห็นชอบจากประชาชนในการลงประชามติหรือไม่



นายวุสนุง กล่าวต่อไปว่า แม้จะยังไม่ทราบว่าการปกครองในรูปแบบพิเศษ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และอาจไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ แต่เชื่อว่ารัฐบาลชุดต่อไปคงจะสานต่อ เนื่องจากปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลรวมทั้งประชาชนทั่วไป ต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ เพราะตรงกับความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ แต่ก็อาจจะมีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย



"ดังนั้น หากเขตปกครองแบบพิเศษมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นจริง รวมทั้งมีองค์กรที่สนับสนุนแนวคิดเขตวัฒนธรรมพิเศษ เราก็จะผลักดันให้กำหนดเป็นเขตวัฒนธรรมพิเศษไปด้วยอย่างเต็มที่ เพราะเป้าหมายหลัก คือ ต้องการใช้ศีลธรรมเป็นตัวนำในการปกครอง และต้องเป็นพื้นที่ที่ปราศจากอบายมุขต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญ ที่จะทำให้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่หมดไป" นายวุสนุง กล่าว



เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 ก.ค. 50 ที่โรงแรมหาดใหญ่พาราไดส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายสนธิ เตชานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้บรรยายพิเศษสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้และแนวทางแก้ไขปัญหา ต่อนักเรียนนายอำเภอรุ่น 62 ประมาณ 50 คน ที่จะลงมาปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้



นายสนธิ บรรยายว่า การแก้ปัญหาความไม่สงบ ต้องใช้ทั้งการทหารและการเมือง สำหรับการทหาร ทางตำรวจและทหารทำหน้าที่ดีอยู่แล้ว ส่วนด้านการเมืองทุกฝ่ายกำลังดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งประสบความสำเร็จมาก เห็นได้จากผู้นำองค์กรศาสนาอิสลามระดับโลก ต่างชื่นชมและประทับใจกับแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล



นายสนธิ กล่าวด้วยว่า ชาวมุสลิมจะเชื่อฟังผู้นำศาสนามาก ดังนั้นคำวินิจฉัยเกี่ยวกับปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของเลขาธิการโลกมุสลิม ซึ่งเดินทางมาเยี่ยมจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อเร็วๆ นี้ จึงมีความสำคัญมาก จำเป็นที่ผู้ที่มีหน้าที่แก้ปัญหาต้องนำมาเรียนรู้ ด้วยการนำคำวินิจฉัยที่เป็นทางการดังกล่าว มาแปลแจกจ่ายให้นักเรียนนายอำเภอศึกษาเรียนรู้ เพื่อจะได้นำมาใช้ประกอบการแก้ปัญหาในพื้นที่

**********************************

ถ้าจะทำแบบนี้ทำไมไม่ทำตั้งแต่วันที่มันปล้นปืนครั้งแรกนู่น จะได้ไม่เสียเงิน เสียประชาชนที่ตายไปเป็นพันๆคน สุดท้ายก็ทำตามที่มันต้องการอยู่ดี แล้วที่เสียไปจะเสียไปทำพ่อมึงเหรอ ไอ้บัง

เอาประชาธิปไตยกลับคืนมา เอารัฐธรรมนูญปี2540กลับคืนมา แล้วเลิกเป็นเผด็จการศักดินาทรราชซะ เลิกรัฐประหาร
แล้วส่งเสริมการศึกษาให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มีการกระจายรายได้ที่ใกล้เคียงกันเป็นธรรม สร้างงานสร้างอาชีพให้คนมีงานทำสร้างระบบสารธารณูปโภคให้เท่าเทียมกันไม่มีความแตกต่างกันระหว่างคนต่างจังหวัดและในกรุง เมื่อคนมีงานทำมันก็มีเงินคุณภาพชีวิตก็ดีขึ้นมีการศึกษาที่ดีขึ้นโดนหลอกลวงไม่ได้ง่ายๆโดนชักจูงไม่ได้ง่ายๆ รับรอง ไอ้เรื่องกบฏแบ่งแยกดินแดนมันก็สูญพันธ์ไปเองและไอ้เรื่องที่จะคิดตั้งเขตปกครองพิเศษโดยอ้างเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรมมันก็จะหมดไปไม่มีรับรองได้ เพราะมันจะหมดเงื่อนไขไปเองเมื่อทุกคนท้องอิ่ม มีบ้าน มีรถ มีโรงพยาบาล มีโรงเรียน มีมหาวิทยาลัย มีงานทำมีรายได้ที่เหมือนๆกัน

รีบๆตั้งให้ทันในรัฐบาลนี้นะครับ สุลต่านอาจจะชื่อสนธิ บุณยรัตกลิน หรือ อารีย์ วงศ์อารยะ.....ฮ่า ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

กำลังดำเนินการร่างกฏหมายปกครองตนเองอยู่ครับ....จากบิ๊กบังสนธิ

ขอให้รีบตั้งให้ไวๆก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะหมดลง หรือไม่ก็เปลี่ยนระบบการปกครองเสียใหม่เป็น สหพันธรัฐ หรือไม่ก็สหราชอาฌาจักร

จุดสิ้นสุดแห่งชาติ ศาสน์ และกษัตริย์
เราเคยสงสัยไหมว่า
ทำไมคนไทยทะเลาะกันเกือบตายที่จะบรรจุพุทธศาสนา ไว้ในรัฐธรรมนูญทั้ง ๆ ที่คนไทย 95 % นับถือพุทธ
เราเคยสงสัยไหมว่า
ทำไมผู้นำกระทรวง ผู้นำเหล่าทัพ รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดบางคน ปัจจุบันจึงมิใช่ชาวพุทธ
แต่นับถือศาสนาอื่น
เราเคยสงสัยไหมว่า
ทำไมภาคใต้ของประเทศ รวมทั้งใน กทม. จึงเต็มไปด้วยสถานะการณ์ อันน่าสะพรึงกลัวต่อความมั่นคงของประเทศ
" มีการฆ่ารายวัน" ทุกวัน
ความสงสัยเหล่านี้ คนไทยทุกคนควรค้นหาคำตอบ ว่ามีเหตุมาจากอะไร ถ้าไม่ใช่ แผนทำลายสถาบัน ชาติ ศาสน์
กษัตริย์ของชาวไทย แล้วเข้ามามีอำนาจแทนที่
"ตื่นเถิดชาวไทย" ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ถ้าไม่อยาก ไร้แผ่นดิน ไร้พุทธศาสนา ไร้พระมหากษัตริย์
ดังเช่น อินเดีย อาฟกานิสถาน เป็นต้น
ความปั่นป่วนของบ้านเมืองในปัจจุบัน ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทย มีสภาพเดียวกับกรุงศรีอยุธยา
ตอนกรุงแตก อาณาจักรล่มสลาย และหลังจากบ้านเมือง เป็นปึกแผ่นแล้ว พระเจ้าตากสินและกษัตริย์ทุกพระ องค์
ทรงใช้หลักธรรมของชาวพุทธ ในการคุ้มครองรักษา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้เป็นเอกราชตราบเท่าทุกวันนี้
เมื่อใดที่ผู้นำไม่มีหลักธรรมปกครองแล้วไซ้ร ความพินาศย่อมตกถึงผู้อยู่ใต้การปกครองแน่นอน..
ปัจจุบันอำนาจถูกถ่ายโอนจากพระมหากษัตริย์ มาเป็นอำนาจรัฐ ดังนั้น รัฐซึ่งเป็นของปวงชนชาวไทยทั้งมวล
จึงควรมีหน้าที่ ในการรักษาและทำนุบำรุง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดุจดังเช่น บุรพกษัตริย์
ได้ทรงกระทำมา จึงจะรักษาเอกราชของชาติไทยไว้ได้
ยิ่งในปัจจุบันด้วยแล้ว เป้าหมายที่จะทำลายชาติไทย โดยอาศัย ศาสนาเป็นเครื่องมือนั้น
กำลังได้ผลเพิ่มขึ้น ดังนั้น เราคนไทยทุกคน ควรที่จะช่วยกันป้องกัน เพื่อมิให้ได้ชื่อว่า
"วัวไม่หาย ไม่คิดล้อมคอก" "เมืองไม่แตกไม่คิดรักษาเมือง"
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อาศัยแผ่นดินนี้อยู่ อาศัยแผ่นดินนี้ทำมาหากิน อย่างมีความผาสุขมาตลอด
ถึงเวลาตอบแทนคุณแผ่นดินแล้วหรือยัง อย่าเห็นว่าธุระไม่ใช่ บ้านของเรา เราต้องรักษา ใครมาทำลายเราสู้
สู้ด้วยกำลังเสียงเล็กๆ ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย
โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ

พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรมุสลิม...ฉบับแก้ไข 2540
ที่กำลังรอเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ...เป็น
พ.ร.บ.ที่มีการหมกเม็ดเพื่อการกลืนศาสนาพุทธและกลืนชาติ...
จากมาตรา 8 "จุฬาราชมนตรีมีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นต่อทางราชการ
เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม" ที่ร้ายกาจที่สุดก็คือ การแก้ไขเพิ่มเติมข้อความว่า"คำปรึกษา
ความคิดเห็นและข้อวินิจฉัยของจุฬาราชมนตรี ตามความในวรรคหนึ่งให้เป็นที่สุด
ส่วนราชการและมุสลิมทุกครนต้องปฏิบัติ" นี่ไม่ใช่คำปรึกษา แต่เป็นประกาศิต ที่ใครจะขัดไม่ได้
มีอำนาจมากกว่าในหลวงอีกหรือไม่
มาตรา 13 ให้กระทรวงศึกษาฯ จัดตั้งอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทยและอิสลามวิทยาลัยประจำจังหวัด ทุกจังหวัด
มาตรา 29 ให้คณะกรรมการอิสลามวิทยลัยประจำจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาต่อผู้ว่าราชการจังหวัด
แกไขเพิ่มเติมข้อความ "และส่วนราชการภายในจังหวัด" กรรมการอิสลามประจำจังหวัด
สามารถเข้าไปแทรกแซงการทำงานของหน่วยราชการทุกหน่วยในจังหวัดได้ ใครไม่ปฏิบัติตาม
ก็จะนำเสนอให้จุฬาราชมนตรีประกาศิตลงมา..............
ตื่นกันได้แล้ว...แผ่นดินไทยจะกลายเป็นรัฐอิสลามในที่สุดก้จะสิ้นชาติ
สนธิ บุญยรัตกลิน ได้เตรียมการวางแผนไว้เป็นขั้นตอน ตั้งแต่การแต่งตั้ง สนช. โดยในส่วนของตัวแทน สนช.
ที่เป็นคณะกรรมาธิการการศึกษาและศาสนา ได้แต่งตั้งมุสลิม 8 พุทธเพียง 2 ดังนี้
1. นายกีรติ บุญเจือ (คริสต์)
2. นายวรเดช อมรวรพิพัฒน์ (พุทธ)
3. นายเสถียรพงษ์ วรรณปรก (พุทธ)
4. นายวินัย สะมะอูน (อิสลาม)
5. นายแว ดือ ราแม มะมิงจิ "
6. นายดำรง สุมาลยศักดิ์ "
7. นายแวมฮาดี แวดาโอะ "
8. นายอับดุล เราะแม เจะแซ "
9. นายอับดุล รอซัค อาลี "
10. นายอิสมาแอล อาลี "
11. นายอีสมาล ลุตฟี จะปากียา (อิสลาม)
ถึงเวลาที่คนจะตื่นหรือยัง .....หากท่านมัวหลับไหล
ให้เผด็จการครองเมือง....วันหนึ่งท่านจะไม่เหลือศาสนาพุทธให้เราได้สืบทอด
แผ่นดินไทยจะกลายเป็นรัฐอิสลามในที่สุดก้จะสิ้นชาติ

ผมว่าทุกศาสนาควรอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่ควรมีกฏหมายยกเว้นพิเศษสำหรับศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ไม่ควรยกเว้นสำหรับสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง แม้แต่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

รธน. ผ่านการเห็นชอบเมื่อไหร่ วิญญาณบรรพบุรุษไทยต้องได้ร้องไห้คร่ำครวญเป็นแน่ ปี 50 เป็นปีทหารไทยขายชาติครับ เดรียมรับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม