ได้ภาพชัด ทีมบึ้ม 46 จุดป่วนใต้

ได้ภาพชัด ทีมบึ้ม 46 จุดป่วนใต้

ได้ภาพชัด ทีมบึ้ม 46 จุดป่วนใต้ ตรวจ"วงจรปิด" พบขณะก่อเหตุ / ยืดถกบีอาร์เอ็น หลังวันที่ 25 ต.ค.            ป่วนซ้ำที่ยะรัง ปัตตานี เผาเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ สัญญาณล่มทั้งอำเภอ ขณะที่ตร.ยะลา ถกล่ากลุ่มวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ที่นราฯ จับภาพได้ทั้ง 5 จุดที่โดนบึ้ม มีทั้งหมด 10 คน สวมหมวกกันน็อก ใช้จยย. ส่วนสงขลาก็ได้เบาะแส 3 จุด ผู้ต้องสงสัยแต่งชุดดำ สวมฮิญาบ คาดเป็นผู้ชายปลอมตัว บึ้มอีกลูกที่สุไหงปาดี คาดนำมาดักถล่มนายอำเภอ แต่ระเบิดอาจลัดวงจร เลยทำงานก่อนเวลา ด้าน "ภราดร" เลขาฯ สมช. เลื่อนถก "บีอาร์เอ็น" รอให้พ้น 25 ต.ค. วันครบรอบเหตุตากใบ แล้วค่อยนัดใหม่ ยัน "ฮัสซัน ตอยิบ" ยังเป็นหน.ทีมพูดคุยของฝ่ายขบวนการ             เมื่อวันที่ 10.00 น. วันที่ 10 ต.ค. พ.ต.อ. ปพนวัฒน์ ขัตติยะวรานันท์ ผกก.สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นำกำลังไปตรวจสอบเหตุวางเพลิงเผาเสาสัญญาณโทรศัพท์ ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา หมู่ 3 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จึงนำกำลังรุดไปที่เกิดเหตุพบสายไฟฟ้าบางส่วนความเสียหาย สอบสวนทราบว่าเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา มีคนร้ายลอบเข้ามาแล้วใช้ผ้าชุบน้ำมันก่อนจุดไฟเผา ต่อมาเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของ อบต.เขาตูม เข้ามาดับเพลิงไว้ได้ สันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าเป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่ และจากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้สัญญาณโทรศัพท์มือถือใน อ.ยะรัง ล่ม ก่อนเจ้าหน้าที่จะซ่อมเสร็จ และใช้การได้ในช่วงเย็น            ที่วัดบางนรา อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.ต. เบญจรงค์ เจริญพร รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานรดน้ำศพ อส.ทพ.บุญรับ เพชรหนองชุม อายุ 34 ปี สังกัดกองร้อย ทพ.ที่ 4603 กรมทหารพรานที่ 46 ที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่หมู่ 4 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะส่งศพกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนา จ.นครศรีธรรมราช ต่อไป          สำหรับทหารพรานอีก 4 นาย ที่บาดเจ็บสาหัสนั้น ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ. นราธิวาสราชนครินทร์ คือ อส.ทพ.สมพร พิมพระกุล อยู่ห้องไอซียู อส.ทพ.โซเปียน กือแมแซะเจะลอ ที่ก่อนหน้าหยุดหายใจชั่วคราว และคาดว่าจะเสียชีวิต แต่แพทย์ปั๊มหัวใจกู้ชีวิตขึ้นมาได้ รักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู อส.ทพ.สุรเชษฐ์ ชานุวัตร และ อส.ทพ.สุรชัย คงทอง ทั้งคู่อาการปลอดภัยแล้ว          ส่วนเหตุลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม 46 จุด ในจ.ยะลา จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และอีก 3 อำเภอ ในจ.สงขลา เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าอาจเป็นการแสดงศักยภาพของฝ่ายขบวนการ เนื่องจากครบรอบวันสถาปนากลุ่มบีอาร์เอ็น พูโล เบอร์ซาตู และอีกสาเหตุอาจเป็นการตอบโต้กรณีที่เจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมนายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรือเปเล่ดำ แกนนำกองกำลังนั้น ล่าสุดที่สภ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.ต.ทรงเกียรติ วาทะกุล ผบก.ยะลา เรียกประชุม ผกก.ในท้องที่เกิดเหตุ และฝ่ายสืบสวนจังหวัด เพื่อหาเบาะแสของกลุ่มคนร้าย          พล.ต.ต.ทรงเกียรติกล่าวว่า จากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายลงมือพร้อมกันในเวลา 05.15 น. ชิ้นส่วนของวัตถุระเบิดเป็นชนิดและรูปแบบเดียวกัน ส่วนภาพวงจรปิดที่บันทึกภาพช่วงเวลาก่อเหตุไว้ได้ตามสถานที่ต่างๆ นั้น เจ้าหน้าที่จะนำมาเปรียบเทียบกับแนวร่วมก่อเหตุที่เจ้าหน้าที่มีรายชื่ออยู่แล้ว ว่าเกี่ยวข้องกันด้วยหรือไม่ พร้อมทั้งแจ้งเตือนให้ทุกพื้นที่เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ เพราะเป็นช่วงเดือนสัญลักษณ์ของฝ่ายผู้ก่อการ            ส่วนที่จ.นราธิวาส พ.ต.ท.สมชาย พนมอุปการ รองผกก.สส.สภ.เมืองนราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปิด ที่ตู้เอทีเอ็มและเสาไฟฟ้าใกล้เคียงทั้ง 5 จุดที่คนร้ายลอบวางระเบิด โดยพบว่ากล้องแต่ละตัวบันทึกภาพของผู้ต้องสงสัยไว้ได้ แต่ละจุดมีผู้ก่อเหตุ 2 คน รวม 10 คน ใช้รถจักรยาน ยนต์เป็นพาหนะ คนร้ายสวมหมวกกันน็อก            พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะเนวิน ผบก.นราธิวาส กล่าวว่าคาดว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นคนใน อ.เมืองนราธิวาส ส่วนเหตุลอบวางเพลิง ยิง ขว้างระเบิด และขโมยรถบรรทุกน้ำในพื้นที่ อ.ยี่งอ อ.บาเจาะ อ.ระแงะ และ อ.รือเสาะ นั้น สั่งการให้เร่งหาเบาะแสคนร้ายแล้ว คาดว่าเป็นกลุ่มคนร้ายที่ได้รับการสั่งการจากแหล่งเดียวกันให้มาก่อเหตุ           ขณะเดียวกัน ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.สงขลา ส่วนหน้า พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบก.สงขลา เรียกประชุมหัวหน้าสถานี ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปราบปรามในพื้นที่ 4 อำเภอ คือ อ.สะบ้าย้อย อ.เทพา อ.นาทวี และอ.จะนะ เพื่อวางมาตรการรักษาความปลอดภัย และหาเบาะแสกลุ่มคนร้ายที่วางระเบิดตู้เอทีเอ็มใน อ.สะบ้าย้อย อ.เทพา และอ.นาทวี โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มของ นายอับดุลตอเละ กาสอ แกนนำที่ถูกออกหมายจับ ซึ่งมีสมาชิกที่ถูกขึ้นบัญชีไว้ 24 คน           จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดทั้ง 3 จุด เจ้าหน้าที่พอทราบเบาะแสของกลุ่มผู้ต้องสงสัยแล้ว โดยเฉพาะภาพจากกล้องที่หน้าตู้เอทีเอ็ม ธนาคารออมสิน ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านสวรรค์ หมู่ 2 ต.สะกอม อ.เทพา ผู้ต้องสงสัยแต่งกายด้วยชุดสีดำและสวมฮิญาบ แต่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ชายที่ปลอมตัว ส่วนเหตุระเบิดตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ หน้าร.พ.สมเด็จพระบรมราชินีนาถ อ.นาทวี ได้ภาพชายต้องสงสัย 2 คน ขับที่ขับรถจักรยานยนต์แบบ ผู้หญิงสีดำ ผ่านบริเวณหน้าร.พ. หน้าสำนักงานเทศบาลตำบลนาทวีนอก และหน้าขุนสองวัง รีสอร์ต ก่อนจะเกิดเหตุระเบิดขึ้น           ต่อมาเวลา 13.00 น. พ.อ.พสิษฐ์ ชาญเลขา หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษร่วม จ.นราธิวาส และพ.ท.อิศรา จันทะกระยอม รองผบ.กรมทหารพรานที่ 48 นำกำลังทหารพราน 50 นาย ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกบุกตรวจค้นบ้าน ดารุลอีซาน หมู่ 14 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส และจับกุมนายหมัดดาฮาร์ มะน๊ะ อายุ 32 ปี ได้ที่            บ้านเลขที่ 13/2 บ้านดารุลอีซาน ก่อนคุมตัวมาสอบสวนขยายผลที่ฐานปฏิบัติการกรมทหารพรานที่ 48 ทราบว่ามีหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 4 คดี แต่นายหมัดดาฮาร์ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุวางระเบิดทหารพรานเสียชีวิตและบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา           อีกเหตุเวลา 18.00 น. ร.ต.ต.อนุกูล ไชยสุวรรณ ร้อยเวร สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุระเบิดที่ริมถนนหน้าบ้านพักนายจำนงค์ ตันสุรีย์ เกษตรอำเภอสุไหงปาดี ห่างจากบ้านพักของนายสายันต์ ชนะชัยวงศ์ นายอำเภอสุไหงปาดี ประมาณ 150 เมตร จึงนำกำลังรุดไปที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดที่โคนต้นไม้ริมถนน เศษชิ้นส่วนวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง ประกอบในกล่องเหล็ก น้ำหนัก 10 ก.ก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่มีผู้ได้รับอันตราย           สอบสวนทราบว่ามีชายฉกรรจ์ 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน คนขับสวมหมวกกันน็อกสีแดง นุ่งกางเกงยีนส์สีดำ และคนนั่งซ้อนท้ายสวมหมวกกันน็อกสีดำ ใส่เสื้อแจ๊กเกตสีดำ และสวมกางเกงสียีนส์ มาจอดที่หน้าบ้านพักของเกษตรอำเภอ คนที่นั่งซ้อนท้ายวางวัตถุสีดำไว้ที่โคนต้นไม้ และวิ่งขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยาน ยนต์หลบหนีไป ผ่านไป 5 นาทีก็ระเบิด คาดว่าคนร้ายดักถล่มนายสายันต์ นายอำเภอสุไหงปาดี และอส. แต่คาดว่าระเบิดลัดวงจรทำให้ระเบิดขึ้นก่อน            ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงเหตุระเบิดตู้เอทีเอ็ม 46 จุด ว่า คงจะกระทำเพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ ในเดือนต.ค.มีเหตุการณ์สำคัญของผู้ก่อความไม่สงบ จึงยกเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นมาเพื่อสร้างแรงกดดันให้เรา และให้รู้ว่าเขายังมีตัวตนอยู่ และก่อเหตุเพื่อเปิดช่องทางการสื่อสารให้รู้ว่าวันนี้มีเหตุการณ์อะไร เราก็เฝ้าระวังและทำงานอย่างเต็มที่ แต่จะให้ไปอยู่ทุกที่ ทุกถนน เป็นไปไม่ได้ จึงให้อาสาสมัครและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน รับผิดชอบเป็นพื้นที่ ขณะที่ผู้ก่อเหตุก็จะดูว่าจุดไหนอ่อน             "ปีนี้เป็นปีแห่งการดำเนินการในเชิงรุกทุกด้าน เพื่อกดดันเขาให้มามีส่วนร่วมกับเราให้มากขึ้น เพราะถ้าใช้อาวุธอย่างเดียวก็สู้กันจนตาย แต่ที่ยังมีระเบิด เพราะยังมีคนเห็นต่างอยู่ในพื้นที่ เขาใช้ความรุนแรงมากดดันรัฐ เพื่อบีบบังคับให้ทำในสิ่งเขาที่ต้องการ วันนี้เขายังไม่วางอาวุธทั้งหมด ขณะนี้มีแนวร่วมมามอบตัวกับเรา 900 กว่าคน และจะมีตามมาอีกมาก อีกทั้งยังจับกุมได้อีก 200-300 คน ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ลงพื้นที่ภาคใต้ไปอยู่กับลูกน้อง เพื่อจะได้ให้กำลังใจกับเขาที่กำลังใจเริ่มจะถดถอย เพราะคำถามจากสังคมมีมากจนทำให้เขาอึดอัด" ผบ.ทบ.กล่าว           ผบ.ทบ.กล่าวต่อว่า ส่วนการพูดคุยกับ บีอาร์เอ็นนั้น ยังไม่ได้กำหนดวัน โดยทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) บอกมาว่าจะเลื่อนการพูดคุยออกไปก่อน เพราะยังไม่มีความพร้อม ถ้าพร้อมเมื่อไรจะติดต่อกลับไป ส่วนการปรับทีมพูดคุยนั้น ถ้าฝ่ายเขาปรับเพิ่ม ฝ่ายเราก็จะต้องปรับเพิ่มเช่นเดียวกัน ทุกคนทำงานโดยการเดินตามแผน ผู้ก่อความไม่สงบต้องการให้เราหมดสิ้นความอดทน และให้เราใช้กำลังอย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดการแบ่งแยกดินแดนได้ ดังนั้น เราต้องไปไม่ให้ถึงจุดนั้น ต้องมีมาตรการรัดกุม ต้องดูแลตัวเองให้ได้ และต้องดำเนินกลยุทธ์สู้กัน            "กลุ่มพูดคุยพยายามให้รัฐทำตามที่เขาต้องการทุกประการ หรือให้เราแก้ไขตามที่เขาต้องการ แต่เรายังรับอะไรไม่ได้ทั้งนั้น และยืนยันว่าการพูดคุยกับบีอาร์เอ็น เราได้เปรียบ เพราะยังไม่ได้ตกลงอะไร ถ้าเราไม่ได้เปรียบ เขาจะมาขอเราพูดคุยหรือ และเรายังไม่ได้ทำตามข้อเสนอของเขาสักข้อ อีกทั้งวันนี้ยังมีการปะทะ จับกุมอยู่ สูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย ผมมองว่าไม่ดีที่จะต่อสู้กันต่อไป แต่การเรียกร้องต้องไม่ให้ผิดกฎหมาย และต้องไม่ทำให้เสียความเป็นรัฐ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว           ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. กล่าวว่าการพูดคุยครั้งต่อไปอาจต้องเลื่อนออกไปก่อนจากกำหนดเดิมวันที่ 20 ต.ค. หรือราวสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนต.ค. เนื่องจากในช่วงนี้ใกล้เข้าวันครบรอบเหตุการณ์ตากใบ คือ วันที่ 25 ต.ค. หากเดินทางไปเจรจาที่มาเลเซียแล้วเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ อาจทำให้กระทบกับบรรยากาศในการพูดคุย ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจกันเกิดขึ้น ประกอบกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นขณะนี้ อาจทำให้ฝ่ายไทยถูกมองว่าเป็นฝ่ายที่ถูกกดดัน ถูกมองว่ายอมอ่อนข้อให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ดังนั้น จึงมีแนวโน้มว่าอาจจะต้องเลื่อนการพูดคุยในครั้งนี้ออกไปก่อน แต่ยืนยันว่าเป็นการเลื่อนการพูดคุย เพื่อให้อยู่ในช่วงเวลาและบรรยากาศที่เหมาะสมเท่านั้น ไม่ได้ล้มเลิกการเจรจาแต่อย่างใด          เลขาฯสมช.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ในสัปดาห์หน้าอีกครั้ง เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากทุกฝ่าย จากการได้รับข้อมูลยืนยันจากมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางบีอาร์เอ็นยืนยันว่ายังไม่เปลี่ยนหัวหน้าพูดคุย ยังคงเป็นนายฮัสซัน ตอยิบ

http://narater2010.blogspot.com/