แผนลับ หรือ แผนโง่แน่นอนว่า หลังจากนี้ ถ้ามีการออกมารายงานตัวจาก "แนวร่วม" ตาม พรก.ความมั่นคง มาตราที่ 21 ที่จะเริ่มดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2554 ตามคำปกาศิตของ มท.3 “แนวร่วม” ที่ออกมารายงานตัวอาจเป็นแค่ คนของขบวนการพูโล ที่ง่อยเปลี้ยเสียขา หมดสภาพของโจรก่อการร้ายไปแล้ว แต่ต้องการล้างมลทินตามกฎหมาย โดย ปาแด งา มูกอ 27 กุมภาพันธ์ 2554 ข่าวความเคลื่อนไหวของ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( Southern Border Provinces Administration Centre) หรือเรียกโดยย่อว่า ศอ.บต. (อังกฤษ: SBPAC) ในการเจรจาเพื่อยุติปัญหากับตัวแทนพูโล ภาคพื้นยุโรป เริ่มมีกระแสความจริงมากขึ้น ท่ามกลางความสับสนของผู้ที่ติดตามข่าวสารในเรื่องนี้ รวมถึงหน่วยข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่ เพราะสิ่งที่หน่วยข่าวทั้งลึกทั้งตื้นรับรู้กันมานานก็คือ ผู้ที่สั่งการ หรืออยู่เบื้องหลังกองกำลังในสามจังหวัดชายแดนใต้ ในการปฏิบัติการสร้างความรุนแรง นั้น เป็นกลุ่มขบวนการที่มีชื่อว่า BRN Co – ordinate (บีอาร์เอ็น โคออดิเนท) ไม่ใช่กลุ่มขบวนการ PULO (พูโล) แต่การที่ตัวแทนของ ศอ.บต.ไปการเจรจา กับตัวแทนของ"พูโล" อาจะมี "นัยยะ" ของผลประโยชน์บางอย่างแอบแฝงอยู่ ส่วน “นัยยะ” อะไรนั้น จะได้อธิบายให้ท่านผู้อ่านทราบตอนจบครับ ศอ.บต. (SBPAC) เป็นองค์กรพิเศษที่รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2524 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยรัฐบาลในสมัยนั้นวิเคราะห์ว่า ในการแก้ปัญหาภัยคุกคามจะใช้การปราบปรามอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องใช้การพัฒนานำการปราบปราม และมีนโยบายการแก้ปัญหา เป็น 2 ด้านคือ การพัฒนา และ การปราบปราม โดยตั้ง ศอ.บต. ขึ้นอยู่กับรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ดูแลเรื่องการพัฒนา และตั้ง พตท.43 หรือ กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ 43 ขึ้นอยู่กับแม่ทัพภาคที่ 4 ดูแลเรื่องการปราบปราม ในปี พ.ศ. 2539 นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเป็นองค์กรในระดับนโยบาย โดย ศอ.บต. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของปลัดกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบงานภารกิจงานด้านฝ่ายพลเรือนและตำรวจ การยุบ ศอ.บต. ต่อมาเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2545 รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ปรับยุทธศาสตร์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ยุบ ศอ.บต. และ พตท.43 ตามคำเสนอแนะของพล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2545 และให้โอนอำนาจของคณะกรรมการการอำนวยการแก้ไขปัญหาความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปเป็นของสภาความมั่นคงแห่งชาติ อำนาจของ ศอ.บต. เป็นของกระทรวงมหาดไทย และอำนาจของ พตท.43 เป็นของกองทัพภาคที่ 4 / กอ.รมน.ภาค 4 การจัดตั้งหน่วยงานใหม่ ใน ปี พ.ศ. 2547 ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 69/2547 ลงวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2547 ลงนามโดย พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ผู้ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จัดตั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ส่วนหน้าใช้ชื่อว่า “กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็นศูนย์ควบคุมและแกนหลักในการประสาน การปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และต่อมาได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 200/2548 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กสชต.) ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้น และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และความรุนแรงของการก่อเหตุในช่วงแรกยังอยู่ในระดับต่ำ แต่สันนิษฐานว่า การปลูกฝังอุดมการณ์การปรับเปลี่ยน และการเตรียมจัดตั้งองค์กรใหม่ น่าจะอยู่ในช่วงแห่งการฝังตัว จนเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2547 ได้เกิดเหตุปล้นกองพันพัฒนาที่ 4 อำเภอเจาะไอร้อง และเกิดเหตุการณ์กรือเซะ เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2547 มีผู้เสียชีวิต 108 คน รวมทั้งเหตุการณ์ที่ตากใบ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2547 มีผู้เสียชีวิต 85 คน จึงได้มีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นอีกครั้ง ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 207/2549 จัดตั้ง ศอ.บต. ขึ้น และได้แต่งตั้งให้ ผอ.ศอ.บต. เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้ ภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.ศอ.บต.) นี่ขนาดเป็นการจัดตั้งหน่วยงานน่ะครับ ยังปวดหัวและสับสนไปกับมันด้วย.....!!! นี่ก็ย่างก้าวมาเป็นปีที่ 25 แล้ว ปัญหาไฟใต้ ก็ยังไม่ยุติเสียที งบประมาณคร่าวๆปีละ 10,000 ล้าน ลองเอา 25 ปี X ดู โอ๊ยปวดหัวครับ ทีนี้เรามาดูความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะจากฝ่ายที่ ศอ.บต. ไปเจรจายุติปัญหากันก่อนว่า เขาผู้นั้นเป็นแกนนำกลุ่มขบวนการระดับไหน มีอำนาจหน้าที่สั่งการจริงหรือไม่ (คิดกันเล่นๆน่ะครับ ถ้าเป็นผู้เขียนเป็นผู้เจรจายุติปัญหากับ “พูโล” ผมจะเริ่มต้นก่อนการเจรจากับแกนนำ “พูโล” ว่า ยูมึง ช่วยสั่งลูกน้องในสามจังหวัดชายแดนใต้ทุกพื้นที่ ให้หยุดยิง หยุดระเบิด ซัก 7 วันได้ไหม ถ้าภายใน 7 วันไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลย นั่น แหล่ะผมเจอคู่เจรจาตัวจริงแล้ว แต่ถ้ายังมีการยิง การวางระเบิดรายวันอยู่อีก ผมจะรีบลาออกแล้วกลับไปบ้านไปนอนดีดลูกปิงปองเล่นดีกว่า เป็นไงครับ ง่ายๆไม่ต้องใช้วิธีทางการทูตให้มันปวดหัวเหมือนอย่างท่านกษิต หังหลิม เลย แล้วใคร...??? เล่าที่เป็นแกนนำ “พูโล” ตัวจริงเสียงจริง ที่ตัวแทน ศอ.บต.หรือฝ่ายปกครองกระทรวงมหาดไทยจะไปเจรจายุติปัญหา ณ เวลานี้ บุคคลที่ถือว่ามีอำนาจในการเจรจาต่อรองของกลุ่มขบวนการ “พูโล” เท่าที่ข้อมูลข่าวสารในเวปไซต์ต่างๆ ก็มีแต่เพียง นายกัสตูรี มะกอตา (Kasturi Mahkota) ฝ่ายการต่างประเทศ PULO เท่านั้น ที่มีบทบาทในการเคลื่อนไหว ผลักดันปัญหาชายแดนใต้ไปสู่ยังเวทีโลกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นองค์การสหประชาชาติ กลุ่มประเทศ EU องค์กรสิทธิมนุษยชน รวมถึงสื่อระดับโลกของฝ่ายมุสลิม อัลเจเซรา หรือ ทีวีช่อง 3 ของมาเลย์เซีย เจ้าประจำ กระผมยังมีข้อสงสัยตะหงิดๆอยู่ว่า หน่วยข่าวทั้งลึกทั้งตื้นในจังหวัดชายแดนใต้ ฟันธง ผู้ที่สั่งการหรืออยู่เบื้องหลังกองกำลังในสามจังหวัดชายแดนใต้ ในการปฏิบัติการสร้างความรุนแรง นั้น เป็นกลุ่มขบวนการที่มีชื่อว่า BRN Co – ordinate (บีอาร์เอ็น โคออดิเนท) ไม่ใช่กลุ่มขบวนการ PULO (พูโล) แต่จากข้อมูลของเว็ป พูโล กลับมีแถลงการณ์ร่วมของ พูโลและบีอาร์เอ็น โคออดิเนท ฉบับหนึ่งปรากฏขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ แล้วทีนี้ผมจะเชื่อใครดี......!!!!!!!! ทีนี้เรามาทราบข้อคิดเห็นของ พ่อเจ้าประคุณกัสตูรี กันหน่อยไหมครับ เผื่อได้ร่วมกันวิเคราะห์ดูว่า มีความเป็นไปได้ไหม มีทางสำเร็จหรือไม่ ที่ตัวแทนของ ศอ.บต.จะไปเจรจากับกลุ่มขบวนการ “พูโล” เพื่อยุติปัญหาชายแดนใต้ “รอบใหม่” การเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความรุนแรงชายแดนภาคใต้ เพื่อหาทางยุติสถานการณ์ แม้จะมิอาจกล่าวได้ว่า เป็นนโยบายของรัฐบาลไทย แต่แกนนำรัฐบาลทุกสมัยนับแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ต่างยอมรับว่า นี่คือ แนวทางหนึ่งในการคลี่คลายปัญหา ขณะรัฐบาลไทยจะยังไม่มีความชัดเจนในแนวทางนี้ แต่ในด้านของขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชปัตตานี โดยเฉพาะ องค์กรปลดปล่อยรัฐปัตตานี หรือ ‘พูโล' กลับมีการประกาศตัวเป็นตัวแทนเจรจาอย่างชัดเจน ท่ามกลางข้อสงสัยว่า พูโลเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุตัวจริง หรือนักฉวยโอกาสทางการเมือง ในยุครัฐบาลพรรคพลังประชาชน โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยอมรับว่า หากการเจรจาสามารถยุติปัญหาได้ ก็จำเป็นจะต้องทำ แนวคิดของร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งนายสมัครสุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ดูแลปัญหาชายแดนภาคใต้ ไปไกลถึงการตั้งเขตปกครองพิเศษ รวมทั้งการพิจารณาขอพระราชทานอภัยโทษ ให้แก่สมาชิกพูโลกลุ่ม‘หะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ' นักโทษคดีกบฏแบ่งแยกดินแดน เพื่อให้ออกมาช่วยแก้ปัญหา ปลายเดือนมีนาคม 2551 กัสตูรี มะกอตอ (Kasturi Mahkota) ฝ่ายการต่างประเทศขององค์กรปล่อยรัฐปัตตานี หรือ ‘พูโล' ซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ในประเทศสวีเดน อ้างว่าได้นัดหารือกับตัวแทนของไทย ที่กรุงจากาตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งผู้สื่อข่าว ‘ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้' ถือโอกาสนี้นัดพบเขาเพื่อพูดคุย สอบถามในประเด็นปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ โดยเขากล่าวให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า ผมจะนำปัญหาปัตตานีไปสู่ EU (สหภาพยุโรป) แทนที่จะนำเข้า OIC (องค์กรที่ประชุมอิสลามโลก) เพราะทางการไทยก็พยายามที่จะต่อ OIC อยู่เสมอ และมีบางประเทศที่ถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนเรา ดังนั้นการที่จะเข้าไปหา OIC จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต้องให้ความระมัดระวัง ซึ่งเราก็มั่นใจว่า OIC จะอยู่เคียงข้างเรา แต่ช่วงเวลานั้นยังมาไม่ถึงใน OIC ***ข้อความนี้มีความหมาย ท่านผู้อ่านลองวิเคราะห์ดูว่า ทำไมรัฐบาลมาร์ค และขุนศึกผู้เก่งกล้า จึงออกมาพูดย้ำแล้วย้ำอีก เมื่อเห็นไมค์จ่อปาก ว่า เหตุการณ์รุนแรงรายวัน เกิดจากไกล้วันที่จะมีการประชุม OIC จึงพยายามสร้างเหตุการณ์รุนแรงให้เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่ระดับโลก ตุ๋ย..... ***ข้อความนี้นอกจากมีความหมายแล้ว ยังมีสิ่งบอกเหตุว่า ขบวนการ “พูโล” เขาก้าวล้ำรัฐบาลไทยไปแล้ว ในเรื่องสังคมโลก ผมมีตัวอย่างให้ดู ไม่ว่า EU จะเข้ามาในสามจังหวัดชายแดนใต้ ด้วยความหวังดี หรือมีอะไรแอบแฝงอยู่ก็ตาม ก็ต้องถือว่า เข้าทางของกลุ่มขบวนการ “พูโล” ที่ กัสตูรี ได้ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อไม่เป็นการรบกวนเนื้อที่ข่าวเชิญท่านติดตามในรายละเอียดจาก http://www.south.isranews.org/interviews/728-2011-02-14-23-50-26.html สำหรับ “นัยยะ” ที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่า จะมาบอกเล่าให้ท่านผู้อ่านตอนจบ ก็คืออย่างนี้ครับ แน่นอนว่า หลังจากนี้ ถ้ามีการออกมารายงานตัวจาก "แนวร่วม" ตาม พรก.ความมั่นคง มาตราที่ 21 ที่จะเริ่มดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2554 ตามคำปกาศิตของ มท.3 “แนวร่วม” ที่ออกมารายงานตัวอาจเป็นแค่ คนของขบวนการพูโล ที่ง่อยเปลี้ยเสียขา หมดสภาพของโจรก่อการร้ายไปแล้ว แต่ต้องการล้างมลทินตามกฎหมาย มาตรา 21 เท่านั้น ซึ่งมันดีกว่านอนอยู่กับบ้านเปล่าๆ มาอบรม 6 เดือน ได้เบี้ยเลี้ยงเอย เสื้อผ้าใหม่เอย กินอยู่หลับนอนสบาย เอย แบบนี้ไม่เข้ารายงานตัวก็บ้าแล้ว แต่ที่สำคัญ “นัยยะ” หรือแผนการนี้ จะมีคนที่ได้ "ความชอบ" ทางการเมือง และคนที่ได้เลื่อนยศเลือนตำแหน่ง ผมจะไม่ขอฟันธง แต่ขอหักธงเลยครับว่า ความชอบทางการเมืองของพรรค ปชป.แกนนำรัฐบาลอุ้มสม จะประกาศกู่ร้องไปก้องโลกว่า “เรามาถูกทางแล้ว” “รัฐบาลชุดนี้สามารถดับขี้เถ้าทางใต้ได้แล้ว” “ไม่มีรัฐบาลชุดไหนที่สามารถเข้าถึงมวลชนจนสามารถยุติปัญหาทั้งหลายทั้งปวงได้” คอยดูน่ะครับ ถ้ามีการเข้ามอบตัวจริงของกลุ่มก่อความไม่สงบ ไอ้มาร์ค ขากถุย ไอ้เทือกหัวทุย ไอ้เหล่ คอเอียง ไอ้เสนเนียมตัวดำ มันจะดาหน้าออกมาพูดประโยคที่ผมกล่าวนำให้พวกมันเหล่านั้นพูดตาม ไม่เชื่อคอยดู.....!!!!!! ท้ายนี้ขอปิดรายการด้วยเรื่อง “เหลือเชื่อแต่ต้องเชื่อ” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการเสวนากันของหมู่ข้าราชการทุกหน่วยงาน ไม่ว่า ทหาร,ตำรวจ,ฝ่ายปกครอง และตุลาการ ว่า เท่าที่สังเกต เหตุการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้ ข้าราชการที่เสียชีวิตทำไมพบแต่ ทหาร ตำรวจ รวมถึงผู้พิพากษา ก็ไม่เว้น แต่ทำไม....???? เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ไม่ว่าปลัดอำเภอ ,จังหวัด ,รองผู้ว่า หรือตัวผู้ว่าเอง มันมีดีอะไรถึงไม่เคยตายเลย หลวงปู่ทวด ช่วยพวกเขาเหล่านั้นรึ ก็ลองไปศึกษาข้อมูลสถิติผู้วายปราณ ปรากฏว่าจริงของเขาแฮะ ผมเคยสอบถามพรรคพวกที่เป็นปลัดขิกว่า ทำไมพวกมึงถึงไม่เคยถูกยิง ถูกระเบิดตายห่าบ้างว่ะ มันบอกว่าผมว่ายังใง ท่านทราบไหมครับ มันบอกว่า หลักง่ายๆ คือ แจกเงิน,หาแนวร่วม,ใช้งานมัน,ให้การช่วยเหลือ แค่นี้ก็ปลอดภัยแล้ว โอ้พระเจ้า......!!!! |
วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
แผนลับหรือแผนโง่
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น