วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

รุดเยี่ยมมุสลิม เทห์มาก


ชาวบ้านไทยพุทธหวาดผวา ชงรัฐเพิ่มมาตรการรปภ.10ข้อ แม่ทัพภาค 4 รุดเยี่ยมพี่น้องมุสลิม วอนไทยพุทธ-มทุสลิมอย่าหวาดระแวงกัน ย้ำรัฐไม่ใช่ความรุนแรง ระบุมีจนท.บางคนพยายามสร้างความแตกแยกเพื่อผลประโยชน์ ยกระดับสู่ที่ประชุมโอไอซี ลั่นฟันไม่เลี้ยงแน่


    จากกรณีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบบุกใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่ราษฎรชาวไทยพุทธ หมู่1 บ้านใหญ่ ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย บาดเจ็บ 4 ราย ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ต่างหวาดกลัวตกอยู่ในความหวาดผวา ล่าสุดได้ออกมาเรียกร้องหน่วยงานรัฐให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย 10 ข้อ
    ที่ห้องประชุม องค์การบริหารส่วนตำบลคอกกระบือ อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เข้าร่วมประชุมเพื่อหารือถึงมาตรการป้องกันเหตุร้ายร่วมกับ พ.ท.สฤษดิ์  สิงหโยธิน ผบ.ฉก.ปัตตานี 22  พ.ท.วิชา  สาริกะพันธ์ รองผบ.กรมทหารพราน 44 และฝ่าย ตำรวจ ปกครอง และชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 1.2.3. โดยประชาชนได้เสนอมาตรการ 10 ข้อที่จะใช้ดูแลความปลอดภัยเพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายในพื้นที่ ให้กับทางราชการ
    สำหรับมาตรการ 10 ข้อ มีดังนี้ 
1.ขอกำลังทหารเพิ่มเติม
2. ทำแผงกั้น  จุดตรวจ ตลอด 24 ชม. 
3.ชุดม้าเร็วขอให้เข้ารับเวรก่อน เวลา ครึ่ง ชม. 
4.ขอสัญญาณแจ้งเหตุชัดเจน  รวดเร็ว 
5. ขอรถส่งผู้ป่วย 
6.ไฟฟ้าดับให้ใครเป็นผู้แจ้ง  
7.ให้จัดทำบันทึกประวัติคนแปลกหน้า  
8.ถนนชลประทานให้ปิดตายตอนกลางคืน  
9.ขอเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำหรับใช้กับกล้องวงจรปิด กรณีไฟฟ้าดับ  และ
10  ตั้งตู้รับบริจาคเงินเพื่อนำเงินจ่ายให้กับผู้เข้าเวรยามในหมู่บ้าน

    ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ เปิดเผยว่า สำหรับมาตรการณ์ที่ประชาฃชนต้องการจำนวน 10 ข้อ นับว่าเป็นเรื่องที่ดี และจะนำเสนอต่อผู้บังคับบัญชาทราบ ส่วนในเบื้องต้นนี้ กำลังเจ้าหน้าที่ ในการนำกำลังเข้าดูแลในหมู่บ้าน โดยเฉพาะกำลังทหาร ก็เฝ้าดูแลอยู่แล้ว และอาจจะเพิ่มกำลังมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนอุ่นใจ และรู้สึกมั่นใจในความปลอดภัย

    วันเดียวกันที่ลานหน้ามัสยิดกลางจ.ปัตตานี พล.ท อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ร่วมพบปะพัฒนาสัมพันธ์และเสริมสร้างความเข้าใจผู้ผ่านการอบรมโครงการประชาร่วมใจทำความดีเพื่อแผ่นดิน จำนวน 2,800 คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมรับฟังการบรรยายธรรม
  
      แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ ต้องเน้นการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพราะหากประชาชนไม่เข้าใจรัฐ และรัฐไม่เข้าใจประชาชน ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้จึงต้องพูดคุยกัน เรื่องศาสนาเกี่ยวข้องกับปัญหารัฐไม่เข้าใจ ฉะนั้นรัฐต้องเข้าใจวิถีชีวิตที่ต้องดำเนินการตามอัลกุรอ่าน ตนตั้งใจที่จะเห็นสันติสุขเกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้  การใช้กำลังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงต้องทำความเข้าใจกัน ถึงแม้มีเหตุการณ์เหมือนรุนแรงมีการสูญเสียทหาร ประชาชนเสียชีวิต มีการตอบโต้กัน ตนยืนยันกลุ่มประชาร่วมใจ และรัฐบาล กอ.รมน.ส่วนหน้าคงยืนยันนโยบายจะไม่มีการละเมิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิ

        "ขณะนี้มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามสร้างความแตกแยก หวังผลการประชุม โอไอซี เพื่อยกระดับความรุนแรง ดังนั้นประชาชนต้องให้อภัยซึ่งกันและกัน ต้องทำความเข้าใจกันทุกฝ่าย เจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีบางคนที่พยายามสร้างสถานการณ์  ซึ่งต้องดำเนินการตามกฎหมาย และผมก็มีสิทธิตามกฎหมายเช่นเดียวกับประชาชน  ใครที่มีความแค้นส่วนตัวต้องให้อภัยกัน และขอยืนยันรัฐไม่ใช้วิธีรุนแรงโดยเด็จขาด มีคนบางกลุ่มพยายามตอกลิ้มให้เกิดความขัดแย้งเพื่อหวังผลประโยชน์ โครงการประชาร่วมใจเพื่อร่วมแก้ปัญหาความไม่เข้าใจ ทุกฝ่ายต้องอดทน"

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวอีกว่า ประชาชนส่วนใหญ่อยากอยู่กับครอบครัว และใช้ชีวิตปกติ ซึ่งตนยังยืนยันนโยบาย ที่จะนำคนที่ถูกผลกระทบทั้งผิดกฏหมายและไม่ผิดกฎหมายให้กลับเข้ามาอยู่กับครอบครัว แต่มีคนบางกลุ่มพยายามสร้างความหวาดระแวง แตกแยก ดังนั้นพวกเราต้องช่วยกัน และคนที่ต้องการกลับให้ประสานเข้ามา เพื่อดำเนินการตามกรรมวิธีทางกฎหมาย และคนที่มีความเห็นแตกต่างกันรัฐพร้อมรับฟังเพื่อหาวิธีการช่วยกันแก้ปัญหา  นอกจากนี้รัฐพร้อมส่งเสริมเกี่ยวกับการดำเนินวิถีชีวิตตามหลักศาสนาที่ดีงามในแต่ละ ศาสนิกรวมทั้งปัญหายาเสพติดในพื้นที่อันนำไปสู่การก่อความไม่สงบในพื้นที่


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม