สงสัยกันเอง แล้วลงท้ายด้วยการบอกว่า ใครไม่เชื่อกูตกนรก
พระเจ้าช่วย กล้วยปิ้ง
****************************
เป็นไปได้ไหมว่า เตารอตและอินญีลถูกเปลี่ยนแปลง?
มี อายะห์ ไหนบ้าง ในอัล กรุอ่านที่กล่าวหาว่า ชาวคัมภีร์ ได้ไปเปลี่ยนแปลง ถ้อยคำใน เตารอตและอินญีล ในอัล-กรุอ่านบอกแค่ว่า ชาวคัมภีร์ “ taharit” คือ การ บิดเบือนหมายด้วยลิ้น และซ่อนบางส่วนของ อินญีลไว้ โดยไม่บอกความจริง ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ชาวคัมภีร์ ได้เปลี่ยนแปลงคัมภีร์ เตารอต หรือ อินญีล
อาละอิมรอน อายะที่ 78
และแท้จริงจากหมู่พวกเขานั้น มีกลุ่มหนึ่งบิดลิ้นของพวกเขา ในการอ่านคัมภีร์ ทั้งๆ ที่มันมิได้มาจากคัมภีร์ และพวกเขากล่าวว่า มันมาจากที่อัลลอฮ์ทั้งๆ ที่มันมิใช่มาจากอัลลอฮ์ และพวกเขากล่าวความเท็จให้แก่อัลลอฮ์ ทั้งๆ ที่พวกเขาก็รู้กันดีอยู่
คำถามที่ 1 ใครเปลี่ยน เตารอตและ อินญีล
มุสลิมมักจะกล่าวหาว่า ยิว และ ชาวคัมภีร์ ร่วมกันเปลี่ยนแปลง เตารอตและ อินญีล เพื่อป้องกัน ไม่ให้อิสลามแพ่รขยาย แต่ในความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะ ยิว กับ ชาวคัมภีร์ ไม่ถูกกัน ตั้งแต่เริ่มมี ชาวคัมภีร์ เกิดขึ้นจนถึง สงครามโลกครั้งที่ 2 ( ทหารนาซี ฆ่า ชาวยิวกว่า 6 ล้านคน)
อัล บะกอเราะฮ์ อายะที่ 113
และชาวยิวกล่าวว่า ชาวคริสต์นั้นมิได้ตั้งอยู่บนสิ่งใด และชาวคริสต์ก็กล่าว่า ชาวยิวก็มิได้ตั้งอยู่บนสิ่งใด ทั้ง ๆ ที่เขาเหล่านั้นอ่านคัมภีร์กันอยู่ ในทำนองเดียวกัน บรรดาผู้ที่ไม่รู้ก็ได้กล่าวเช่นเดียวกับคำกล่าวของพวกเขา ดังนั้นในวันกิยามะฮ์ อัลลอฮ์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน
ในช่วง นบีมูฮำหมัดมีชีวิตอยู่ ยิว กับ ชาวคัมภีร์ไม่ถูกกันเลย แต่ ชาวคัมภีร์ กับคนมุสลิม มีความสัมพันธ์เป็นเหมือนพี่น้องกัน
อัล มาอิดะฮ์ อายะที่ 82
แน่นอนเจ้าจะพบว่า หมู่ชนที่เป็นศัตรูอันรุนแรงแก่บรรดาผู้ที่ศรัทธานั้นคือชาวยิว และบรรดาผู้ที่ให้มีภาคีแก่อัลลอฮ์ และแน่นอนเจ้าจะพบว่า บรรดาผู้ที่มีความรักใคร่แก่บรรดาผู้ที่ศรัทธาใกล้กว่า พวกเขานั้นคือ บรรดาผู้ที่กล่าวว่าแท้จริงพวกเราเป็นคริสต์ นั่นก็เพราะว่า ในหมู่พวกเขานั้นมีบรรดานักปราชญ์ และบาดหลวงและก็เพราะว่าพวกเขาไม่เย่อหยิ่ง
คำถามที่ 2 ช่วงเวลาไหนที่ เตารอตและอินญีลถูกเปลี่ยนแปลง
เตารอตและ อินญีลถูกเปลี่ยนแปลง ก่อนท่านนบีมูฮำหมัดเสียชีวิต คำตอบ คือไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น อัลเลาะห์จะไม่ลงโองการให้ท่านนบีมูฮำหมัดดังนี้
อัซซูรอ อายะห์ 15
ดังนั้น เพื่อการนี้แหละเจ้าจงเรียกร้องเชิญชวนและดำรงมั่นอยู่ในแนวทางที่เที่ยงธรรมดังที่เจ้าได้รับบัญชา และอย่าได้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขา และจงกล่าวว่า ฉันได้ศรัทธาในสิ่งที่มีอยู่ในคัมภีร์ตามที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมา และฉันรับบัญชาให้ตัดสินระหว่างพวกท่านด้วยความเที่ยงธรรม อัลลอฮฺคือ พระเจ้าของฉันและพระเจ้าของพวกท่าน (การตอบแทน) การงานของฉันก็จะได้แก่ฉันและ(การตอบแทน) การงานของพวกท่านก็จะได้แก่พวกท่าน ไม่มีการโต้แย้งใด ๆ ระหว่างพวกเรากับพวกท่าน อัลลอฮฺจะทรงรวบรวมพวกเราทั้งหมด และยังพระองค์คือการกลับไป
อัล บะกอเราะห์ อายะที่ 136
พวกท่านจงกล่าวเถิด เราได้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เรา และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่อิบรอฮีม และอิสมาอีล และอิสฮาก และยะอ์กูบ และบรรดาวงศ์วานเหล่านั้นและสิ่งที่มูซา และอีซาได้รับ และสิ่งที่บรรดานะบีได้รับจากพระเจ้าของพวกเขา พวกเรามิได้แบ่งแยกระหว่างท่านหนึ่งท่านใดจากเขาเหล่านั้น และพวกเราจะเป็นผู้สวามิภักดิ์ต่อพระองค์เท่านั้น
อัล มาอิดะฮ์ 68
จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย! พวกท่านมิได้ตั้งอยู่บนสิ่งใด จนกว่าพวกท่านจะดำรงไว้ซึ่งอัต-เตารอต และอัล-อินญีล และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่พวกท่านจากพระเจ้าของพวกท่านและแน่นอนสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้า จากพระเจ้าของเจ้านั้นจะเพิ่มการละเมิด และการปฏิเสธศรัทธาแก่จำนวนมากในหมู่พวกเขา ดังนั้นเจ้าจงอย่าเศร้าใจแก่พวกที่ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นเลย
อัล มาอิดะฮ์ อายะที่ 47
และบรรดาผู้ที่ได้รับอัล-อินญีลก็จงตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาในนั้น และผู้ใดที่มิได้ตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแล้ว ชนเหล่านี้คือผู้ที่ละเมิด
อัล มาอิดะฮ์ อายะที่ 46
และเราได้ให้อีซาบุตรของมัรยัมตามหลังพวกเขามา ในฐานะผู้ยืนยันสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขาคือ อัต-เตารอต และเราได้ให้อัล-อินญีลแก่เขา ซึ่งในนั้นมีคำแนะนำและแสงสว่าง และเป็นที่ยืนยันสิ่งที่อยู่เบื้องหน้ามัน คืออัต-เตารอต และเป็นคำแนะนำ และคำตักเตือนแก่ผู้ยำเกรงทั้งหลาย
ยูนุส อายะที่ 94
หากเจ้าอยู่ในการสงสัย ในสิ่งที่เราได้ให้แก่เจ้า ก็จงถามบรรดาผู้อ่านคัมภีร์ก่อนเจ้า(เตารอฮ์) โดยแน่นอนสัจธรรมได้มายังเจ้าจากพระเจ้าของเจ้า ดังนั้นเจ้าจงอย่าอยู่ในหมู่ผู้สงสัย
อัล บะกอเราะฮ์ อายะห์ที่ 89,91,101
และเมื่อได้มีคัมภีร์ฉบับหนึ่งจากที่อัลลอฮ์มายังพวกเขา ซึ่งยืนยันในสิ่งที่มีอยู่กับพวกเขา ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเคยขอให้มีชัยชนะเหนือบรรดาผุ้ที่ปฏิเสธศรัทธามาก่อน ครั้นเมื่อสิ่งที่พวกเขารู้จักดี ได้มายังพวกเขาแล้ว พวกเขากลับปฏิเสธสิ่งนั้นเสีย ดังนั้นความห่างไกลจากเราะฮ์มัต ของอัลลอฮ์จึงตกอยู่แก่บรรดาผู้ปฏิเสธเหล่านั้น
และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่เขาเหล่านั้นว่า จงศรัทธาต่อสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาเถิด พวกเขาก็กล่าวว่า เรากำลังศรัทธาต่อสิ่งที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เราอยู่แล้ว ทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้นคือ ความจริงโดยยืนยันสิ่งที่มีอยู่กับพวกเขา จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า เพราะเหตุใด เมื่อก่อนโน้นพวกท่านจึงฆ่านะบีของอัลลอฮ์ ถ้าหากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา
และเมื่อได้มีร่อซูลคนใด ณ ที่อัลลอฮฺ มายังพวกเขา ซึ่งจะเป็นผู้ยืนยันสิ่งที่มีอยู่กับพวกเขา กลุ่มหนึ่งจากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ ก็เหวี่ยงคัมภีร์ของอัลลอฮฺไว้เบื้องหลังของพวกเขาเสีย เสมือนหนึ่งว่าพวกเขาไม่รู้
อายะข้างต้นสอนเราว่า อัล กรุอ่าน นั้น ให้เราศรัทธาใน เตารอต และ อินญีล อัลกรุอ่านไม่ได้ถูกประทานลงมาเพื่อแทนที่ เตารอต และ อินญีล แต่ถูกประทานลงมาเพื่อยืนยันว่า เตารอตและอินญีล ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลง
อีกอย่าง หนึ่ง คือ พี่น้องมุสลิมเชื่อมั่นได้เลยว่า เตารอต และ อินญีล ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลง หลังจากท่านนบีมูฮำหมัดเสียชีวิต เนื่องจาก ใน ศตวรรษ ที่ 6 หรือ หลังจาก อินญีลถูกประทานลงมา 600 ปี ก่อนท่าน นบีมูฮำหมัดถือกำเนิด ชาวคัมภีร์และ เตารอต อินญีล ได้กระจัดกระจาย ไปสู่ เอเชีย แอฟริกา และ ยุโรปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครที่ไหนจะสามารถ รวบรวม เตารอตและอินญีล มาเปลี่ยนแปลงได้ทั้งหมด เตารอตและอินญีล เป็นจำนวนหลายพันเล่ม ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 1500-1600 ปี ที่แล้วยังถูกเก็บรักษาไว้ยังที่ต่างๆของโลก ( อย่าลืมว่าท่านนบีมูฮำหมัด เกิดและตายในช่วง 1400 ปี ที่แล้ว)
คำถามที่ 3 เตารอตและอินยีลถูกเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร ?
ตั้งแต่ 2000 ปีที่แล้ว ชาวยิว และชาวคัมภีร์ ( คริตส์เตียน) ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก มันเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีคนรวบรวม เตารอตและอินญีล ทั่วโลก จาก โบรส์ต่างๆ สุเหร่ายิวต่างๆ หอสมุดต่างๆ โรงเรียนต่างๆ บ้านเรือนต่างๆ หรือ จากที่ต่างๆ แล้วเอามาเปลี่ยนแปลงแก้ไข หลังจากเปลี่ยนแก้ไขเสร็จแล้ว ก็ส่งคืนที่เดิมโดยไม่มีใครรู้
พี่น้องมุสลิมที่เชื่อมั่นใน อัล กรุอ่าน อัล กรุอ่านได้บอกด้วยตัวอัลกรุอ่านเอง ว่า ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลง ถ้อยคำที่มาจากอัลเลาะห์ได้
อัล อันอาม อายะที่ 15
จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า แท้จริงฉันกลัวการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่ หากฉันฝ่าฝืนพระเจ้าของฉัน
ยูนุส อายะห์ ที่ 64
สำหรับพวกเขาจะได้รับข่าวดี ในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และในโลกหน้า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในลิขิตของอัลลอฮ์ นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่
พี่น้องมุสลิมศรัทธาว่า อัลเลาะห์ สามารถ ปกป้อง อัลกรุอ่าน ไม่ให้ถูกเปลี่ยนแปลงได้ เช่นเดียวกัน พี่น้องมุสลิมควรศรัทธาว่า อัลเลาะห์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่ง สามารถปกป้องรักษา เตารอตและอินญีล จากการถูกเปลี่ยนแปลงได้ เช่นเดียวกัน
มุสลิมไม่จำเป็นต้องอ่าน เตารอต และ อินญีลจริงหรือ? มุสลิมทั่วไปคิดว่า ไม่จำเป็นต้องอ่าน เตารอตและอินญีล ตั้งแต่กรุอ่าน ได้ถูกประทานลงมา เพราะว่ากรุอ่านเป็นคัมภีร์ที่ดีที่สุดแล้ว แต่ในตัวกรุอ่านเองกลับบอกว่า มุสลิมต้องศรัทธาในบรรดาคัมภีร์ของอัลเลาะห์ ที่ อัลเลาะห์ได้ประทานให้นบีทุกคน โดยมีอายะที่ยืนยังได้ ดังนี้
อัล บะกอเราะฮ์ อายะห์ที่ 121
บรรดาผุ้ที่เราได้ให้คัมภีร์แก่พวกเขาโดยที่พวกเขาอ่านคัมภีร์นั้นอย่างจริง ๆ ชนเหล่านี้แหหละคือ ผู้ที่ศรัทธาต่อคัมภีร์นั้นและผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่อคัมภีร์นั้นไซร้ แน่นอนชนเหล่านี้คือผู้ที่ขาดทุน
อัล บะกอเราะฮ์ อายะที่ 285
ร่อซูลนั้น(นะบีมุฮัมมัด) ได้ศรัทธาต่อสิ่งที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เขา จากพระเจ้าของเขา และมุมินทั้งหลายก็ศรัทธาด้วยทุกคนศรัทธาต่ออัลลอฮ์และมลาอิกะฮ์ของพระองค์ และบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ และบรรดาร่อซูลของพระองค์(พวกเขากล่าวว่า) เราจะไม่แยกระหว่างท่านหนึ่งท่านใดจากบรรดาร่อซูลของพระองค์ และพวกเขาได้กล่าวว่า เราได้ยินแล้ว และได้ปฏิบัติตามแล้วการอภัยโทษจากพระองค์เท่านั้นที่พวกเราปรารถนา โอ้พระเจ้าของพวกเรา! และยังพระองค์นั้น คือ การกลับไป
อัน นิซาฮ์ อายะที่ 136
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงศรัทธาต่ออัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์เถิด และคัมภีร์ที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาแก่ร่อซูลของพระองค์ และคัมภีร์ที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาก่อนนั้น และผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และมลาอิกะฮ์ของพระองค์และบรรดาคัมภีร์ของพระองค์และบรรดาร่อซูลของพระองค์ และวันปรโลกแล้วไซร้ แน่นอนเขาก็ได้หลงทางไปแล้วอย่างไกล
อัล บะกอเราะฮ์ อายะห์ที่ 121
บรรดาผุ้ที่เราได้ให้คัมภีร์แก่พวกเขาโดยที่พวกเขาอ่านคัมภีร์นั้นอย่างจริง ๆ ชนเหล่านี้แหหละคือ ผู้ที่ศรัทธาต่อคัมภีร์นั้นและผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่อคัมภีร์นั้นไซร้ แน่นอนชนเหล่านี้คือผู้ที่ขาดทุน
อัล นิซาฮ์ อายะห์ที่ 56
แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อโองการทั้งหลายของเรานั้น เราจะให้พวกเขาเข้าไปในไฟนรก คราใดที่ผิวหนังของพวกเขาสุกเราก็เปลี่ยนผิวหนังให้แก่พวกเขาใหม่ซึ่งมิใช่ผิวหนังเดิม เพื่อพวกเขาจะได้ลิ้มรสการลงโทษ แท้จริงอัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ
อัล มาอิดะฮ์ อายะ ที่ 10
และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และปฏิเสธบรรดาโองการของเรานั้น ชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น