ลมหายใจที่ปลายด้ามขวาน
ภรรยา ‘อันวาร์’ ร้อนตัวเมื่อเจ้าหน้าที่เชิญน้องชายมาซักถาม
น.ส.รอมละห์ แซเยะ ภรรยาของนายมูฮัมมัดอัณวัร หะยีเต๊ะ (อันวาร์) ที่ถูกจำคุกในข้อหาคดีความมั่นคงที่เรือนจำจังหวัดปัตตานี อ้างว่า เมื่อ 9 ก.พ.58 ตนเองได้เดินทางไปรับตัวนายซุลกิฟลี แซเยะ (น้องชาย) ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นราธิวาส ๓๒ เชิญตัว ตามกฎอัยการศึก และถูกส่งไปกักตัวที่ ค่ายจุฬาภรณ์ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อสอบถามข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก แม้ว่าน้องชายของตนเองจะปลอดภัย แต่จะถูกเชิญตัวอีกเมื่อไหร่ไม่รู้ ไม่มีใครรับรองได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ทำให้ไม่มีความเชื่อมั่นกับคำพูดของทหาร
เจ้าหน้าที่ได้ได้ปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยใช้กฎหมายพิเศษในการเชิญตัวบุคคลต้องสงสัย ซึ่งไม่ได้เป็นการเหวี่ยงแหในการเชิญตัว หรือโดยวิธีการกลั่นแกล้งเจาะจงต่อคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ ก่อนที่จะมีการเชิญตัวหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องมีข้อมูลความเชื่อมโยงที่รัดกุมพอสมควร มิฉะนั้นแล้วจะขาดความน่าเชื่อถือ และเมื่อเข้าสู่กระบวนการซักถามไม่ได้มีการบีบบังคับขู่เข็ญ ซ้อมทรมานแต่ประการใด ที่สำคัญเมื่อพิสูจน์แล้วว่าบุคคลผู้นั้นไม่มีความผิดและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการ หรือมีความเชื่อมโยงในการก่อเหตุ ก็จะได้รับการปล่อยตัว
การที่ น.ส.รอมละห์ แซเยะ ภรรยาของนายมูฮัมมัดอัณวัร หะยีเต๊ะ (อันวาร์) ได้ออกมากล่าวอ้างไม่เชื่อมั่นคำพูดของทหารนั้น ใช้ความเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อดิสเครดิตต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งนายซุลกิฟลีฯ เป็นน้องชายของตนเองในเมื่อบริสุทธิ์ไม่ได้กระทำความผิดใด ๆ ก็อย่าเพิ่งร้อนตัว...มิฉะนั้นแล้วต่อไปหากยังเป็นอยู่เช่นนี้ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเตะต้องใครได้อีกมีแต่เรียกร้องขอความเป็นธรรม กล่าวหามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่มีที่สิ้นสุด...แล้วจะแก้ปัญหาให้สงบได้อย่างไรกัน!!!
ภรรยา ‘อันวาร์’ ร้อนตัวเมื่อเจ้าหน้าที่เชิญน้องชายมาซักถาม
น.ส.รอมละห์ แซเยะ ภรรยาของนายมูฮัมมัดอัณวัร หะยีเต๊ะ (อันวาร์) ที่ถูกจำคุกในข้อหาคดีความมั่นคงที่เรือนจำจังหวัดปัตตานี อ้างว่า เมื่อ 9 ก.พ.58 ตนเองได้เดินทางไปรับตัวนายซุลกิฟลี แซเยะ (น้องชาย) ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นราธิวาส ๓๒ เชิญตัว ตามกฎอัยการศึก และถูกส่งไปกักตัวที่ ค่ายจุฬาภรณ์ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อสอบถามข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก แม้ว่าน้องชายของตนเองจะปลอดภัย แต่จะถูกเชิญตัวอีกเมื่อไหร่ไม่รู้ ไม่มีใครรับรองได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ทำให้ไม่มีความเชื่อมั่นกับคำพูดของทหาร
เจ้าหน้าที่ได้ได้ปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยใช้กฎหมายพิเศษในการเชิญตัวบุคคลต้องสงสัย ซึ่งไม่ได้เป็นการเหวี่ยงแหในการเชิญตัว หรือโดยวิธีการกลั่นแกล้งเจาะจงต่อคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ ก่อนที่จะมีการเชิญตัวหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องมีข้อมูลความเชื่อมโยงที่รัดกุมพอสมควร มิฉะนั้นแล้วจะขาดความน่าเชื่อถือ และเมื่อเข้าสู่กระบวนการซักถามไม่ได้มีการบีบบังคับขู่เข็ญ ซ้อมทรมานแต่ประการใด ที่สำคัญเมื่อพิสูจน์แล้วว่าบุคคลผู้นั้นไม่มีความผิดและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการ หรือมีความเชื่อมโยงในการก่อเหตุ ก็จะได้รับการปล่อยตัว
การที่ น.ส.รอมละห์ แซเยะ ภรรยาของนายมูฮัมมัดอัณวัร หะยีเต๊ะ (อันวาร์) ได้ออกมากล่าวอ้างไม่เชื่อมั่นคำพูดของทหารนั้น ใช้ความเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อดิสเครดิตต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งนายซุลกิฟลีฯ เป็นน้องชายของตนเองในเมื่อบริสุทธิ์ไม่ได้กระทำความผิดใด ๆ ก็อย่าเพิ่งร้อนตัว...มิฉะนั้นแล้วต่อไปหากยังเป็นอยู่เช่นนี้ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเตะต้องใครได้อีกมีแต่เรียกร้องขอความเป็นธรรม กล่าวหามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่มีที่สิ้นสุด...แล้วจะแก้ปัญหาให้สงบได้อย่างไรกัน!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น