ศาลซาอุฯ ตัดสิน “ประหารชีวิต” พลเมืองฐานเลิกนับถืออิสลาม
ศาลอิสลามในซาอุดีอาระเบียตัดสินประหารชีวิตชายคนหนึ่งฐานละทิ้งความเชื่อในศาสนาอิสลามของตน หนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษ ซาอุดี กาเซตต์ รายงาน (24 ก.พ.) ชายคนดังกล่าวซึ่งอยู่ในช่วงวัย 20 ปีได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะฉีกทำลายคัมภีร์อัลกุรอาน คัมภีร์ของศาสนาอิสลาม และตีหนังสือเล่มดังกล่าวด้วยรองเท้าข้างหนึ่ง หนังสือพิมพ์เจ้านี้รายงาน
ซาอุดีอาระเบีย พันธมิตรแถบอาหรับรายสำคัญของสหรัฐฯ และเป็นถิ่นกำเนิดของศาสนาอิสลาม เจริญรอยตามแนวทางของศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่สายวะฮะบีอันเคร่งครัดและให้เหล่านักวิชาการศาสนาเป็นผู้ควบคุมระบบยุติธรรม ภายใต้การตีความกฎหมายชารีอะห์แบบวะฮะบี ผู้เลิกศรัทธาจะมีโทษประหารชีวิต เช่นเดียวกับการกระทำความผิดทางศาสนาอย่างอื่นอย่างการใช้เวทมนตร์คาถา ขณะที่การดูหมิ่นและวิพากษ์วิจารณ์นักวิชาการศาสนาอิสลามอาวุโสมีโทษจำคุกและลงโทษทางร่างกาย
การประหารชีวิตในซาอุดีอาระเบียมักเป็นการตัดคอในที่สาธารณะ
บรรดากลุ่มสิทธินานาชาติระบุว่า ระบบยุติธรรมของซาอุดีอาระเบียขาดความโปร่งใสและกระบวนการที่เหมาะสม โดยจำเลยมักไม่สามารถเข้าถึงสิทธิพื้นฐานต่างๆ อย่างเช่นตัวแทนทางกฎหมาย และการตัดสินคดีอาจเป็นไปโดยมีกฎเกณฑ์
รัฐบาลซาอุดีอาระเบียได้ใช้มาตรการต่างๆเพื่อปฏิรูประบบกฎหมายของตน แต่ในขณะเดียวกันก็ปกป้องมันด้วย
เมื่อปีที่แล้ว ศาลในเมืองเจดดาห์ตัดสินให้ ราอิฟ บาดาวี นักเสรีนิยมชาวซาอุรับโทษโบย 1,000 ทีและจำคุก 10 ปีฐานเผยแพร่คำวิพากษ์วิจารณ์ชนชั้นปกครองทางศาสนาและการเมืองของราชอาณาจักรแห่งนี้ และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปในศาสนาอิสลาม
การโบย 50 ทีแรกมีขึ้นในเดือนมกราคม แต่การโบยที่เหลือไม่ได้เกิดขึ้น บรรดาเจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อคดีนี้อย่างเปิดเผย แต่คนวงในระบุว่าการโบยที่เหลือดูเหมือนว่าจะถูกยกเลิกไปแล้วอย่างเงียบๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น