ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
กล่าวนำ
ปัญหาด้านการเมืองการปกครองใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ๓ จชต.) เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องยาวนานนับเป็นร้อยปี สืบเนื่องมาจากแนวคิดทางประวัติศาสตร์และชาติพันธุ์ ความเชื่อเรื่องการมีอยู่ของรัฐปัตตานี ดารุสลาม การยึดมั่นในความเป็นชาติพันธุ์มลายูของประชาชนในพื้นที่ ทำให้เกิดกระแสความเคลื่อนไหวเรียกร้องขอสิทธิพิเศษทางการเมืองบางประการในพื้นที่ ๓ จชต.มาโดยตลอด ทั้งนี้ในระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีทั้งการต่อสู้ทางความคิด และการใช้ความรุนแรง มีการรวมตัวของคนมุสลิมบางกลุ่ม บางอาชีพ ก่อตั้งเป็นกลุ่มการเมืองการทหาร เช่น BIPP, PULO, GMIP, BRN Co-ordinate, BRN congress, BURSATU เพื่อดำเนินกิจกรรมที่นำไปสู่การมีรัฐปัตตานี ดารุสลาม ที่เป็นอิสระ ปกครองโดยคนมลายู มีกฎหมายอิสลามเป็นกฎหมายสูงสุด ปัญหาที่ดำรงอยู่ในพื้นที่ ๓ จชต.จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้ส่งผลดีต่อประชาชน สภาพทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของพื้นที่เลยแม้แต่น้อย
ข้อเท็จจริงในปัจจุบัน
สถานการณ์ใน ๓ จชต. มีสาเหตุ ความเป็นมา และพัฒนาการที่สลับซับซ้อนแตกต่างไปจากปัญหาอื่น ๆ ของประเทศ การให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปะติดปะต่อเรื่องราวที่เป็นข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นประโยชน์ทั้งในแง่ของการศึกษาเพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหา และการทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ฝ่ายรัฐจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้ได้ความจริงที่เชื่อถือได้มากที่สุดมาใช้ประโยชน์ ซึ่งภายใต้ความพยายามอย่างเอาจริงเอาจังของฝ่ายรัฐทำให้ได้พยานบุคคลจำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการใช้ความรุนแรงก่อเหตุต่างๆ ขึ้นในพื้นที่ มาเล่าเรื่องราว เหตุการณ์ ตัวบุคคล ที่ทำให้สถานการณ์ใน ๓ จชต. เป็นเช่นทุกวันนี้ กับได้พยานเอกสารที่ระบุถึงแผนการ แนวทางการปฏิบัติ ยุทธวิธีในการใช้ความรุนแรง การจัดหาและวิธีรวบรวมเงินทุน บุคคลและเอกสารเหล่านี้ทำให้ฝ่ายรัฐได้ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่สามารถอธิบายความเป็นไปที่ถูกต้องใน ๓ จชต. ได้เป็นอย่างมีเหตุมีผล มีหลักฐานอ้างอิงอย่างชัดเจน
ปัญหาใน ๓ จชต.ยุคปัจจุบัน เกิดจากการกระทำของของกลุ่มคนเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งประกอบด้วยครูสอนศาสนาที่บิดเบือน แอบอ้างหลักการศาสนา ดำเนินงานอย่างปิดลับตั้งแต่ประมาณปี ๒๕๓๐ ใช้วิธีปลุกระดมจัดหาสมาชิก แนวร่วม ฝึกอบรมทั้งทางการเมือง และการทหาร เป้าหมายสำคัญคือการชักชวนเยาวชนที่มีความประพฤติดี ตั้งใจเรียน เข้ามาเป็นสมาชิกของขบวนการ ใช้โรงเรียนสอนศาสนา ปอเนาะ บางแห่ง เป็นแหล่งชักชวน ฝึกอบรม จากเวลาสิบกว่าปีที่คนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มนี้ดำเนินการอย่างเงียบ ๆ กลับได้ผลอย่างมหาศาล จำนวนสมาชิกที่ทำหน้าที่ก่อเหตุสร้างสถานการณ์มีเพิ่มขึ้นทีละน้อยอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงปี ๒๕๔๗ การปฏิบัติการด้วยความรุนแรงได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อบรรลุบันไดขั้นสุดท้ายของแผนการคือการจุดไฟปฏิวัติโดยมีเยาวชนเป็นกำลังหลักทำหน้าที่เป็นผู้ปฏิบัติการก่อเหตุร้ายประเภทต่าง ๆ ตั้งแต่การก่อกวน เผาตู้โทรศัพท์ เผายางรถยนต์ เผาที่พักริมทาง โปรยตะปูเรือใบ ไปจนถึงการทำร้ายร่างกาย ลอบยิง ซุ่มยิง ปล้นปืน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง และฆ่าตัดคอ
ใครคือศัตรูหรือฝ่ายตรงข้ามที่ทำลาย ๓ จชต.
มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากพอสมควรว่า รัฐไม่รู้ว่ากำลังต่อสู้อยู่กับใคร ใครคือศัตรูหรือฝ่ายตรงข้าม ใครคือคู่ต่อสู้ ในอดีตที่ผ่านมารัฐอาจไม่รู้ แต่ในปัจจุบันนี้ รัฐมีคำตอบในเรื่องนี้อย่างชัดเจน ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่มีหลักฐาน พยานอ้างอิงทั้งบุคคลและเอกสาร ชี้ให้เห็นว่าขบวนการต่อสู้เพื่อรัฐปัตตานีอิสระที่ใช้ชื่อว่า BRN Co – ordinate ซึ่งมีครูสอนศาสนาจำนวนหนึ่งเป็นแกนหลัก คือผู้อยู่เบื้องหลัง วางแผน สั่งการ จัดหาทุน ใช้เยาวชนที่ชักชวนและฝึกอบรมไว้ตั้งแต่ประมาณปี ๒๕๓๐ ออกมาปฏิบัติการก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
การระบุศัตรูหรือฝ่ายตรงข้ามข้างต้นไม่ได้กระทำอย่างเลื่อนลอย แต่อาศัยพยานหลักฐานที่เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ทั้งบุคคลและเอกสาร ทำให้ยืนยันได้ว่าครูสอนศาสนาที่เกี่ยวข้องกับขบวนการมีตัวตนอยู่จริง มีคำถามที่เกิดจากความสงสัยว่า รัฐรู้หรือไม่ว่าใครบ้างที่เป็นเช่นว่านั้น คนเหล่านั้นคือใครอยู่ที่ไหน ฝ่ายรัฐรู้เรื่องของพวกเขาเหล่านั้นมากน้อยเพียงใด
ในวันนี้ฝ่ายรัฐสามารถยืนยันได้ว่าอย่างน้อยมีแกนหลัก ๕๗ คน ที่ทำหน้าที่เป็นระดับผู้ควบคุมสั่งการ ผู้ควบคุมทางยุทธวิธี และหัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการ กำลังหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ในจำนวนนี้มีอยู่ ๒๖ คน ที่เป็นแกนหลักยุคปัจจุบันที่ปฏิบัติการสังกัดกลุ่ม BRN Co – ordinate ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้จับกุมและอยู่ระหว่างดำเนินคดี ๘ คน และอีก ๑๘ คนถูกหมายจับและมีรางวัลนำจับ ขณะนี้หลบหนีการจับกุม คนเหล่านี้เป็นแกนนำระดับสูงของกลุ่มทำหน้าที่ควบคุมสั่งการ จัดหาทุน ปลุกระดม จัดหาสมาชิก และฝึกอบรม ยังหลบซ่อนและเคลื่อนไหวอย่างลับๆ พบปะเครือข่าย ประชุมหารือ สั่งการ อำนวยการการปฏิบัติทั้งด้านงานการเมือง การทหาร จัดหาสมาชิก รวมทั้งควบคุมการปฏิบัติการบางเรื่องด้วยตนเอง
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายว่า สังคมที่ดีงามของ ๓ จชต. ได้ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงโดยน้ำมือของคนไม่กี่คนเหล่านี้ สันติภาพ เสรีภาพ และภราดรภาพของพี่น้องทุกเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ถูกคนเหล่านี้ลบล้าง โดยบิดเบือนหลักศาสนา แอบอ้างความดีงามของศาสนา เพื่อสนองตอบผลประโยชน์ของตนเอง สิ่งเลวร้ายที่น่าอันตรายที่สุดคือ คนเหล่านี้ได้ทำลายเยาวชน ลูกหลาน หลอกลวงให้เยาวชนหลงเชื่อในสิ่งที่เลวร้าย และใช้เยาวชนเป็นเครื่องมือทำบาปแทนพวกเขา
หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาใน ๓ จชต. ได้เดินหน้าอย่างเต็มกำลังความสามารถในแต่ละส่วนงานที่แต่ละหน่วยรับผิดชอบ โดยยึดหลักบูรณาการทั้งด้านข้อมูล แนวคิด และวิธีดำเนินงาน ยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการในทุกส่วนงานของระดับปฏิบัติการในพื้นที่เช่น งานการข่าว งานบังคับใช้กฎหมาย งานกิจการพลเรือน งานยุทธการ ได้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนการเชื่อมต่อระหว่างระดับนโยบายในส่วนกลางกับระดับปฏิบัติในพื้นที่ได้ถูกปรับให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้งที่ทั้งสองระดับมีการประชุมหารือร่วมกัน และอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้งที่ระดับนโยบายลงไปในพื้นที่เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และให้แนวทางการปฏิบัติงาน
หน่วยงานของรัฐตระหนักดีว่า การเอาชนะปัญหาใน ๓ จชต. ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหามีความหลากหลาย การน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นเครื่องนำทางย่อมเปรียบเสมือนธงนำที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาก้าวไปสู่ความสำเร็จ การเข้าใจปัญหาอย่างถูกต้อง ย่อมทำให้เข้าถึงแก่นแท้ของวิธีการแก้ไขและจัดการกับปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาสังคมของ ๓ จชต. นำความดีงามกลับคืนมาสู่สมาชิกของสังคมต่อไป สมดังพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน อันเปรียบเสมือนปรัชญานำทางให้สันติสุขกลับคืนสู่พื้นที่โดยเร็ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น